โกร็องแต็ง โตลิสโซ่ (corentin tolisso) เกิดเมื่อวันที่ 3สิงหาคม ค.ศ.1994 เป็นนักฟุตบอลตำแหน่งกองกลางตัวรับชาวฝรั่งเศส ปัจจุบันสังกัดโมสรฟุตบอลบาเยิร์นมิวนิคในบุนเดิสลีกาและฟุตบอลทีมชาติฝรั่งเศส

โตลิสโซ่ เริ่มเล่นฟุตบอลกับทีมท้องถิ่นตาราเร่และทีมบ้านเกิดแอมเพิลพุยส์โดยเขาได้ฝึกทักษะด้านการเข้าสกัดบอลอย่างหนักหน่วงแม่นยำเขายังเล่นกองหน้าได้ด้วย โตลิสโซ่ยิงแฮตทริกแรกได้เกมที่เสมอลียง4-4 ในปี 2007 โตลิสโซ่เซ็นสัญญาร่วมทีมลียงอะคาเดมี่โตลิสโซ่ลงสนามให้ทีมเป็นนัดแรกนาทีที่92 โดยลงเป็นตัวสำรองเกมฟุตบอลลีกเอิงที่ชนะ4-0 เหนือนีซ ต่อมาเขาได้ลงเล่นในฟุตบอลสโมสรยุโรปในเกมที่ชนะ เอชเอ็นเคริเยก้า 1-0 เกมรอบแบ่งกลุ่มยูโรป้าลีก 2013/14 ในอีกสัปดาห์ถัดมาเขาเซ็นสัญญาเป็นนักฟุตบอลอาชีพ โตลิสโซ่ยิงประตูแรกในเกมชุดใหญ่ในนาทีที่94 โดยเป็นประตูชัยให้ลียง ชนะบอร์กโดซ์ 2-1 ในฟุตบอลลีกเอิง

ฤดูกาล 2016/17 โตลิสโซ่ลงสนามให้ลียง เกมที่พบเซนิตเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กด้วยฟอร์มของเขาเมื่อฤดูกาลที่แล้วทำให้มีหลายทีมอยากได้ตัวเขาไปร่วมทีมและเขาก็ปฏิเสธข้อเสนอจากนาโปลี 37.5ล้านยูโร โดยที่เขากล่าวว่าเขาอยากอยู่ที่ลียงต่อไป โตลิสโซ่ประเดิมสนามในฟุตบอลโทรเฟ่เดส์ชองปิยงส์เกมนั้นลียงแพ้ทีมแชมป์ลีกเอิงปารีสแซงต์แชร์กแมง 4-1 เขายิงประตูได้ในนาที87 แต่ว่าประตูดังกล่าวเป็นเพียงแค่ประตูปลอบใจเท่านั้น และโตลิสโซ่ ยิงประตูในฟุตบอลลีกเอิงประตูแรกในเกมเยือนดิฌงแต่แพ้ต่อ 4-2 ต่อมาในเกมแชมเปี้ยนส์ลีกรอบแบ่งกลุ่มเขายิงประตูแรกนาทีที่ 13เกมชนะดินาโมซาเกร็บ 3-0

จากนั้น กัปตันทีมและรองกัปตันทีมเจ็บ เขาจึงได้มีโอกาสสวมปลอกแขนกัปตันทีมและได้เป็นกัปตันทีมลียงเป็นนัดแรกในเกมโรนดาร์บี้พบกับแซงต์เอเตียน เกมประเดิมสนามใหม่ของลีลงปาร์คโอลิมปิกลียงจบฤดูกาล โตลิสโซ่ ยิง 14ประตู 7แอสซิสต์ จากการลงสนาม 47นัด ในทุกรายการให้ลียงและเขามีชื่อติดทีมยอดเยี่ยมของฟุตบอลยูโรป้าลีกด้วย

ความก้าวหน้าของ โกร็องแต็ง โตลิสโซ่

ฤดูกาล 2017/18 ทีมจากบุนเดสลีกา บาเยิร์นมิวนิคได้เซ็นสัญญากับโตลิสโซ่ด้วยสัญญา 5 ปี ค่าตัวเริ่มต้น 41.5ล้านยูโร โดยอาจจะเพิ่มอีก 6ล้านยูโร ขึ้นอยู่กับโบนัสในการลงสนาม เขาได้ประเดิมสนามให้ บาเยิร์น นัดแรก โดยได้เตะลูกโทษเกมที่ชนะดอร์ทมุนด์ในรายการเยอรมันซูเปอร์คัพ โตลิสโซ่ยิงประตูในบุนเดสลีกาเกมแรกเป็นเกมแชมเปี้ยนส์ลีกโดยที่เขาลงสนามเกมสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่มเกมนั้นที่ทีมชนะเปแอสเช 3-1 แต่ก็ไม่เพียงพอที่ทีมเสือใต้จะเป็นทีมแชมป์กลุ่ม ต่อมาเขายิงได้สองประตูในเกมเยือนชนะไฟร์บวร์ก 4-0 และโตลิสโซ่ลงสนามมาเป็นตัวสำรองเกมที่ชนะเอาก์สบวร์ก 4-1 คว้าแชมป์ฟุตบอลลีกทั้งที่เหลือเกมการแข่งขันอีก 5 เกม

ฤดูกาล 2018/19 โตลิสโซ่ออกสตาร์ทหลังจากที่เป็นแชมป์ฟุตบอลโลก 2018 กับทีมชาติฝรั่งเศส โดยเขาลงสนามเกมนัดที่สามที่แข่งกับไบเออร์เลเวอร์คูเซ่น หลังจากที่บาดเจ็บ เส้นทางทีมชาติของโตลิสโซ่ โดยเขาติดทีมชาติตั้งแต่ชุดเยาวชนตั้งแต่อายุ 21ปี โตลิสโซ่ได้รับมอบหมายเป็นกัปตันทีมเขายังได้สิทธิ์เล่นให้ทีมชาติโตโกด้วยเนื่องจากมีบรรพบุรุษเป็นชาวโตโกผู้จัดการทีมโตโกโคล้ดเลอรัวเผยว่าเขาอยากจะให้โตลิสโซ่ ลงสนามให้ทีมโตโกมากกว่าฝรั่งเศสแต่สุดท้ายเขาเลือกเล่นให้ฝรั่งเศสซึ่งเป็นสถานที่เกิดและเติบโต

เขาได้เล่นให้ทีมชาติทุกระดับอายุเขาติดทีมชาติชุดใหญ่เป็นครั้งแรกเกมที่พบลักเซมเบิร์ก และสเปน เกมนั้นได้ลงประเดิมสนามโดยลงสนามในนาที80 เกมนั้นทีมแพ้สเปน 0-2 คาบ้าน

ต่อมาเขามีชื่อไปเล่นฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซียเขาได้ลงสนามในเกมนัดแรก 78นาที เกมนั้นทีมชนะออสเตรเลีย 2-1 ต่อมาเขาได้ลงสนามแทนที่แบลสมาตุยดี้นาทีที่75 เกมที่ชนะอาร์เจนตินา 4-3 ในรอบ 16ทีมสุดท้าย ต่อมาเกมรอบควอเตอร์ไฟนอลที่พบอุรุกวัยเขาจ่ายบอลให้อองตวนกรีซมันน์ ยิงประตูและเกมนั้นทีมตราไก่ชนะ 2-0 ต่อมาเขาได้ลงสนามแทนที่แบลสมาตุยดี้ นาที86 เกมนั้นฝรั่งเศสชนะเบลเยียม 1-0 จากนั้นเกมรอบชิงชนะเลิศเขาได้ลงสนามนาทีที่73 ลงมาแทนที่มาตุยดี้และทีมก็ชนะได้ 4-2 คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกเป็นสมัยที่สองถึงแม้ว่าโตลิสโซ่จะไม่ค่อยได้มีโอกาสลงสนามมากนักแต่เมื่อได้ลงสนามเขาก็มักจะทำได้ดี

แจกแล้วมากกว่า 1,000,000 บาท!!!

ร่วมสนุกไปกับ TS911 เว็บพนันออนไลน์ ครบวงจรอันดับ 1 ในปี 2019-2020 ให้บริการ บอล มวย บาคาร่า สล็อต เกมยิงปลา และเกมเดิมพันอื่นๆอีกมากมายที่รอให้ทุกท่านได้ร่วมลุ้นโบนัสที่จะทำเงินให้ท่านได้มากกว่างานประจำของท่านอย่างแน่นอน สมัคร TS911 วันนี้รับเครดิตฟรีมากมายที่ไอดีไลน์ @tsmember

คริสตอฟ เปียเท็ค เกิดวันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 1995 นักฟุตบอลชาวโปแลนด์ ตำแหน่งกองหน้า ปัจจุบันเป็นนักเตะของ เอซีมิลาน สโมสรฟุตบอลชื่อดังในอิตาลีสวมเสื้อหมายเลข 9

ตอนเด็กเปียเท็ค เคยค้าแข้งในอคาเดมี่ของ ซีเวียตก้าซีร์โซเนียว ก่อนจะย้ายไปเลเซียซีร์โซเนียว แต่ความสามารถของเขาฉายแววไปไกลทำให้เขาถูกดึงตัวขึ้นไปเล่นทีมชุดใหญ่ในระยะ 1ปี แต่สุดท้ายก็ไม่ค่อยได้มีโอกาสลงเล่นสักเท่าไหร่ ต่อมา ซาเกลบี้ลูบิน เห็นความสามารถของเปียเท็ค จึงได้คว้าตัวมาร่วมทีมและฝีเท้าของเขาเองก็เริ่มพัฒนามากขึ้นเรื่อยๆซึ่งเขาทำผลงาน โดยยิงประตูได้ 17ประตู จาก 69เกมตลอดระยะเวลา 2ปี ก็ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว

เข้าสู่ปีที่3 ของ เปียเท็ค ก็ยังไม่ค่อยได้ลงเล่นเท่าไหร่เพราะเขาเลือกย้ายไปหาความท้าทายครั้งใหม่กับทีม เคเอสคราโอเวีย และเขาสามารถอัพสถิติการยิงประตูเพิ่มขึ้นไปอีกเขาทำไปได้ 32ประตู ตลอด 63เกม ในระยะเวลา 2ปี และนั่นทำให้เจนัวตัดสินใจคว้าตัวเปียเท็ค มาร่วมทีมด้วยค่าตัวอยู่ที่ 4ล้านยูโร และยังมีข่าวว่ามีอีกทีมที่อยากได้ตัวเขาซึ่งก็คือ บาร์เซโลน่า

เปียเท็ค นับวันยิ่งเล่นยิ่งดีขึ้นเพราะเมื่อย้ายมาเจนัว เกมแรกที่เขาได้ลงเล่นคือ โคปปาอิตาเลีย ที่เจอกับ เลชเช่ เขาใช้เวลาแค่ 70 วินาทีเท่านั้นในการทำประตูแรกในสีเสื้อเจนัว และเปียเท็คยังเหมาคนเดียว 4 ประตูในวันนั้นที่ยำคู่แข่ง 4-0 ทำแฮตทริกได้ในระยะเวลาแค่ 19 นาที จากนั้นทำให้ดาวิเด้บัลลาร์ดินี่ ไว้ใจเลือกให้เปียเท็คเป็นกองหน้าเบอร์ 1 และเขาก็ไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆเพราะเขาโชว์ฟอร์มตั้งแต่นัดเปิดสนาม กัลโช่เซเรียอา ฤดูกาล 2018-19 ทันทีจากการซัลโวให้ทีมขึ้นนำตั้งแต่ 6 นาทีแรกในเกมที่ชนะ เอ็มโปลี น้องใหม่ 2-1

จากนั้นไม่ว่าจะเจอกับซาสซูโอโล่, โบโลญญ่า, ลาซิโอ, คิเอโว่, โฟรซิโนเน่ จนกระทั่งล่าสุดกับเจนัว ไม่ว่าทีมจะชนะเสมอหรือแพ้ คริสตอฟเปียเท็ค ก็สามารถยิงประตูได้ทุกนัด พร้อมกับทำลายสถิติเป็น
นักฟุตบอลที่ออกสตาร์ทได้ดีที่สุดในเซเรียอา จากนั้นในเดือนมกราคมปี 2019 เปียเท็คได้ย้ายไปเล่นให้เอซีมิลาน อย่างเป็นทางการด้วยค่าตัว 35ล้านยูโร  เจนัวคงรู้สึกเสียดายไม่ใช่น้อยที่ต้องเสียเปียเท็ค ให้กับทีมอื่นแต่การค้าแข้งให้ทีมใหญ่เมื่อมีโอกาสเป็นใครๆก็อยากจะคว้ามันไว้ทั้งนั้น

เส้นทางทีมชาติของ คริสตอฟ เปียเท็ค

เกมแรกของเปียเท็คในสีเสื้อ ‘ปีศาจแดง-ดำ’ คือการเจอกับนาโปลีในลีกก่อนจะเสมอกันไป 0-0 และอีก 3 วันหลังจากนั้นเอซีมิลาน ก็ต้องเจอกับนาโปลีอีกครั้งในศึก โคปปาอิตาเลีย แต่สกอร์ไม่เหมือนเดิมเพราะเปียเท็ค ได้แผลงฤทธิ์ออกมาท่ามกลางแฟนบอลที่ ซานซิโร่ ด้วยการซัดไป 2 ประตูเขี่ยทีมที่เกมรุกจัดอย่าง ‘อัซซูร่า’ ตกรอบไปเรียบร้อย

และในปี 2020 เปียแท็คก็ย้ายทีมอีกครั้งไปยังแฮร์ธ่าเบอร์ลิน ในบุนเดสลีก้าเยอรมัน ด้วยค่าตัว 27ล้านยูโร เพราะก่อนหน้านี้ตกเป็นเป้าโห่จากแฟนบอล “รอสโซเนรี่” ทำให้เจ้าตัวต้องหาทางย้ายหนีจากเมืองมิลาน ท่ามกลางความสนใจจากสโมสรชั้นนำทั่วทั้งยุโรปไม่ว่าจะเป็น “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซีหรือแม้กระทั่งท็อตแน่มฮอตสเปอร์ ที่เข้าไปพูดคุยกับต้นสังกัดแต่ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้สำเร็จเนื่องจาก “ไก่เดือยทอง” ต้องการเพียงแค่สัญญายืมตัวในขณะที่มิลานต้องการขายขาดเท่านั้นและก็เป็น“หญิงชรา” แฮร์ธ่าเบอร์ลิน จากลีกสูงสุดเยอรมันที่คว้าลายเซ็นของเปียเท็ค ไปครองได้สำเร็จ

เส้นทางทีมชาติของ คริสตอฟ เปียเท็ค เขาติดทีมชาติครั้งแรกตอนปี 2015 กับทีมชาติโปแลนด์รุ่นอายุไม่เกิน 20ปี แต่ในช่วงเวลาเดียวกันก็มีโอกาสได้รับใช้ชุด ยู-21 ด้วยเช่นเดียวกันส่วนกับทีมชาติชุดใหญ่เขาถูกเรียกติด 1 ใน 35 คนชุดที่โปแลนด์ไปลุยศึกฟุตบอลโลก 2018 แต่สุดท้ายก็โดนตัดชื่อทิ้งไปก่อนที่เขาจะได้ลงเล่นเกมแรกในนามทีมชุดใหญ่ ในเกมที่เสมอกับ ไอร์แลนด์ 1-1 ก่อนที่อีก 1 เดือนต่อมาเปียเท็คเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ได้ลงสนามดวลกับโปรตุเกส ในศึกยูฟ่าเนชั่นส์ลีก ถึงแม้โปแลนด์จะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไป 2-3 แต่เปียเท็คมีชื่อบนสกอร์บอร์ดในเกมนั้น

แจกแล้วมากกว่า 1,000,000 บาท!!!

ร่วมสนุกไปกับ TS911 เว็บพนันออนไลน์ ครบวงจรอันดับ 1 ในปี 2019-2020 ให้บริการ บอล มวย บาคาร่า สล็อต เกมยิงปลา และเกมเดิมพันอื่นๆอีกมากมายที่รอให้ทุกท่านได้ร่วมลุ้นโบนัสที่จะทำเงินให้ท่านได้มากกว่างานประจำของท่านอย่างแน่นอน สมัคร TS911 วันนี้รับเครดิตฟรีมากมายที่ไอดีไลน์ @tsmember

คริสเตียน พูลิซิช เกิดวันที่ 18 กันยายน ค.ศ. 1998 เป็นนักฟุตบอลชาวอเมริกา ลงเล่นในตำแหน่ง กองกลางตัวรุก และ ปีก ปัจจุบันสังกัดสโมสร เชลซี สวมเสื้อหมายเลข 22

พูลิซิช เกิดและเติบโตที่ เฮอร์ชี่ย์ รัฐเพนซิลวาเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา หลายคนในครอบครัวของเขาที่เดินทางในอาชีพนักเตะ ในปี 2005 ครอบครัวของ พูลิซิช ต้องเดินทางไปยังสหราชอาณาจักรเพื่อทำงาน ทำให้พูลิซิชเองได้โอกาสศึกษาเล่าเรียนที่นั่นด้วยและในระหว่างนั้นพูลิซิช ก็ได้มีโอกาสร่วมเล่นฟุตบอลให้กับสโมสรท้องถิ่นอย่าง แบร็คลีย์ ทาวน์ เขาเริ่มหลงใหลในการเป็นนักฟุตบอลมากขึ้น เมื่อมีโอกาสได้เข้าไปเยี่ยมชมสนาม โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด และ แอนฟิลด์ ก่อนจะไปเริ่มสานฝันที่บ้านเกิดตัวเอง

หลังจากที่กลับจากอเมริกา ไปนับหนึ่งใหม่ เพื่อก้าวสู่ความเป็นนักบอลอาชีพ พูลิซิชได้มีโอกาสฝึกฝนตัวเอง กับทาง มิชิแกนรัช และพีเอ คลาสสิค ซึ่งเป็นศูนย์ฝึกทีมเยาวชนอะคาเดมี่ชื่อดังของที่นั่น เขาใช้เวลา 7 ปี ในการฝึกฝนฝีเท้า จนมีฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยม และสไตล์การเล่นของเขาคือ เป็นนักเตะที่มีความเร็วและความคล่องตัวและสามารถเล่นได้ทั้งด้านซ้ายและด้านขวา การคลองบอลได้ดี เป็นตัวขับเคลื่อนของทีมได้อย่างดีเมื่ออยู่ในสนาม

ทำให้มีหลายทีมในยุโรปจับตามองผลงานของเขาอยู่อย่างโบรุสเซียดอร์ทมุนด์และอาร์เซน่อล แต่พูลิซิชได้ตัดสินใจเซ็นสัญญาร่วมทีมกับโบรุสเซียดอร์ทมุนด์ ในวัย 16ปี ในช่วงต้นปี 2015 เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วผ่านอะคาเดมี่ของทีมโดยพูลิซิชทำไปได้ 10ประตู และอีก 8 แอสซิสต์ จากการลงสนามทั้งหมด 15นัด

จากนั้นเขาจึงถูกดันขึ้นไปเล่นในทีมชุดใหญ่ในปีถัดมาประตูแรกของเขากับดอร์ทมุนด์เกิดขึ้นในเกมที่เจอกับ ฮัมบุร์ก พร้อมกับสร้างสถิติที่ไม่ใช่คนเยอรมัน แต่สามารถยิงประตูในบุนเดสลีก้า ได้ด้วยจำนวนอายุที่น้อยที่สุด 17ปี กับอีก 212วัน แม้ว่าเขาจะยังอายุไม่ถึง 20ปี แต่ฟอร์มการเล่นของเขาก็ยอดเยี่ยมเขาเล่นมันอย่างเต็มที่กล้าลุกกล้าลุย

พูลิซิช ลงเล่นให้กับดอร์ทมุนด์ เป็นฤดูกาลที่ 4 ติดต่อกันและยึดตำแหน่งตัวจริงมานานเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน เขาลงสนามให้ทีมไปทั้งหมด 115นัด ยิงได้ 15ประตูและสามารถช่วยทีมคว้าแชมป์ เดเอฟเบ โพคาล ได้ในฤดูกาล 2016-17

เส้นทางทีมชาติของ คริสเตียน พูลิซิช

ต่อมา คริสเตียน พูลิซิช ได้ย้ายเข้าร่วมเป็นนักเตะเชลซีช่วงต้นฤดูกาล 2019/20 โดยบรรลุข้อตกลงครั้งแรกในเดือนมกราคม 2019 ค่าตัวอยู่ที่ 58 ล้านปอนด์ และเซ็นสัญญาระยะยาวกับเชลซีเป็นระยะเวลา 5 ปีครึ่ง
ก่อนจะถูกยืมต่อไปเล่นให้ต้นสังกัดเดิมคือโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์จนจบฤดูกาล

พูลิซิช ลงเดบิวต์ให้เชลซีโดยเป็นตัวสำรองในเกมแพ้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และออกสตาร์ทเป็นตัวจริงครั้งแรกไม่กี่วันหลังจากที่เชลซี แพ้ลิเวอร์พูลในซูเปอร์คัพ เขาจ่ายบอลให้โอลิวิเยร์ ชิรูด์ยิงเปิดเกม และพาบอลเข้าไปตุงตาข่ายได้แต่โชคร้ายที่ล้ำหน้าก่อน

เขาลงเป็นตัวจริงในเกมลีกสามนัดต่อมา หลังช่วงเบรกทีมชาติเดือนตุลาคมเขากลับมาลงเล่นและจ่ายบอลให้ทีมในเกมที่ชนะนิวคาสเซิลและอาแย็กซ์ ก่อนจะได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในเกมพบเบิร์นลี่ย์ในเกมลีกนัดต่อมา ทำแฮตทริกสมบูรณ์แบบได้สำเร็จด้วย

เส้นทางทีมชาติของคริสเตียน พูลิซิช เขาเริ่มต้นการเป็นนักฟุตบอลทีมชาติสหรัฐอเมริกาเป็นครั้งแรกในปี 2012-2013 รุ่นเยาวชนอายุไม่เกิน 15ปีลงเล่นกว่า 28ครั้ง และในปี 2013-2015 รุ่นเยาวชนอายุไม่เกิน 17ปี ลงสนามมากกว่า 34ครั้ง จากนั้นได้รับโอกาสให้ก้าวขึ้นมาร่วมทีมชาติสหรัฐอเมริกาชุดใหญ่ปี 2016 ในยุคของ เจอร์เก้น คลิสต์มันน์ ก่อนมีคิวเตะฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก กับกัวเตมาลา พร้อมสร้างสถิติเป็นผู้เล่นชาวอเมริกาที่อายุน้อยที่สุดที่ได้ลงเล่นในการแข่งขันเกมนี้ ส่วนประตูแรกในสีเสื้อทีมชาติเกิดขึ้น ในเกมที่ถล่มโบลิเวีย ไป4-0 ในเกมอุ่นเครื่องก่อนถึงศึก โคปาอเมริกา 2016 และแน่นอนว่า พูลิซิช ก็คือผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ที่ยิงประตูให้กับอเมริกา

ปัจจุบันพูลิซิชผู้เล่นคนสำคัญที่ทัพมะกัน จะขาดไปไม่ได้ โดยเขาได้รับใช้ชาติไปทั้งหมด 23นัด ยิงได้ 9ประตูและที่สำคัญพูลิซิชยังได้รับหน้าที่เป็นกัปตันทีมที่อายุน้อยที่สุดอีกด้วย

แจกแล้วมากกว่า 1,000,000 บาท!!!

ร่วมสนุกไปกับ TS911 เว็บพนันออนไลน์ ครบวงจรอันดับ 1 ในปี 2019-2020 ให้บริการ บอล มวย บาคาร่า สล็อต เกมยิงปลา และเกมเดิมพันอื่นๆอีกมากมายที่รอให้ทุกท่านได้ร่วมลุ้นโบนัสที่จะทำเงินให้ท่านได้มากกว่างานประจำของท่านอย่างแน่นอน สมัคร TS911 วันนี้รับเครดิตฟรีมากมายที่ไอดีไลน์ @tsmember

กราเซียโน่ เปลเล่ เกิดเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 1985 ในเมืองเลชเช่ประเทศอิตาลี เปลเล่เริ่มต้นเล่นฟุตบอลโดยเข้าร่วมเล่นกับทีมเยาวชนของ เลชเช่ ก่อนจะถูกดันขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่ โดยเขาลงสนามเปิดตัวในเกมระดับ เซเรีย ปี2004 เป็นการพบกับ โบโลญญ่า ซึ่งฤดูกาลนั้นเขาได้รับโอกาสลงสนามเพียงแค่ 2 เกมเท่านั้น

2005 เขาถูกปล่อยยืมตัวให้กับสโมสร คาตาเนีย ในลีกเซเรียบี แต่ก็ไม่สามารถยิงประตูได้เลยแม้แต่ลูกเดียวก่อนจะถูกส่งตัวกลับ เลชเช่ ซึ่งในฤดูกาล 2005-06 เขาถูกส่งตัวไปเล่นในลีกดิวิชั่นสองอีกครั้ง กับ โครโตเน่ และยิงประตูได้ถึง 6 ลูกจากการลงสนาม 17 นัด ต่อมาในฤดูกาล 2006-07 เปลเล่ ก็ยังถูกยืมตัวไปเก็บประสบการณ์อีกครั้งกับสโมสร เชเซน่า และสามารถทำประตูได้ 11 ลูกจากการลงสนาม 40 นัด

2007 เปลเล่ได้หมดสัญญากับทางต้นสังกัดเดิมอย่าง เลชเช่ และทางสโมสร เอแซ็ดอัล์คม่าร์ ก็ได้ดึงตัวเขาไปร่วมเล่นในลีก ฮอลแลนด์ โดยเขาให้สัมภาษณ์ว่าที่เลือกมาอยู่กับ อัล์คม่าร์ ก็เพราะพวกเขามุ่งมั่นตั้งใจที่จะให้โอกาสเด็กหนุ่มได้ลงเล่น แทนที่จะเป็นเพียงนักเตะยืมตัวของสโมสรอื่นๆและเขาสามารถยิงประตูให้ทีมได้เพียง 3 ลูกเท่านั้นจากการลงสนามทั้งหมด 27 เกมในฤดูกาลแรก (เป็นตัวจริง 16 นัด)

2008 เขาสามารถยิงประตูชัยให้ทีมเอาชนะ เอ็นเอซี ไนจ์เมเก้น 1-0 และต่อมา เปลเล่กดคนเดียวสองประตูให้ทีมเปิดบ้าน เอาชนะ โกรนิงเก้น 3-0 แต่หลังจากนั้นอีกสองฤดูกาลหลัง เขาเป็นแค่ตัวสำรองและอยู่ครบจนหมดสัญญากับ อัล์คม่าร์ โดยเขายิงไป 16 ลูก จากการลงสนาม 91 นัด

2011 สโมสร ปาร์ม่า ได้ออกมายืนยันอย่างเป็นทางการผ่านทางเว็บไซต์ว่าพวกเขาสามารถคว้าตัว กราเซียโน่ เปลเล่ มาร่วมทัพ ซึ่งทีนี่ เขายิงได้เพียงประตูเดียวเท่านั้นในเกมที่เสมอกับ เลชเช่ ต้นสังกัดเก่า และต่อมา2012 เขาถูกปล่อยยืมตัวไปเล่นกับทีม ซามพ์โดเรีย ในดิวิชั่นสองโดยยิงไป 4ประตูจากทั้งหมด 12เกมที่ลงสนามและพาทีมเลื่อนชั้นขึ้นสู่เซเรียอาได้สำเร็จ

สำหรับฤดูกาล 2012-13 ในขณะที่เขายังเป็นนักเตะของ ปาร์ม่า เขาได้หวนกลับมาสู่ลีกดัตช์อีกครั้ง ในฐานะนักเตะยืมตัวของสโมสร เฟเยนูร์ด และยังเป็นนักเตะอิตาลีคนแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสรอีกด้วย ก่อนที่เขาจะยิงไป 11 ประตู จาก 10 เกมแรก และช่วยทีมยิงประตูเอาชนะคู่แข่งได้เป็นกอบเป็นกำจนกระทั่งจบครึ่งฤดูกาลแรก

การเปลี่ยนแปลงของ กราเซียโน่ เปลเล่

2013 เปลเล่ได้รับการเซ็นสัญญา 4ปีจากทีมเฟเยนูร์ด ต่อมาเปลเล่สามารถยิงประตูให้กับทีมได้สูงถึง 27ลูก ทำให้เขาเป็นรองดาวซัลโวสูงสุดของลีก นอกจากนี้ยังทำลายสถิตินักเตะอิตาเลี่ยนที่ยิงประตูนอกประเทศของ ลูก้า โทนี่ (บาเยิร์น มิวนิค) และคริสเตียนวิเอรี่ (แอตเลติโก มาดริด)

ในฤดูกาล 2013-14 เขาลงสนามให้กับทีมทั้งหมด 33 นัดในทุกรายการและยิงประตูได้ทั้งสิ้น 29ลูก ทำให้เขามีสถิติที่สุดยอดในการทำประตูให้กับสโมสรเฟเยนูร์ดสองฤดูกาลรวมกัน 55ประตูจากโอกาสลงสนามทั้งหมด 66 นัด

เปลเล่ถูกคว้าตัวไปร่วมทีม เซาท์แฮมป์ตัน ในฤดูกาล 2014 ด้วยระยะสัญญา 3ปี กับค่าตัว 8ล้านปอนด์ (ประมาณ 358 ล้านบาท) และเป็นการกลับมาร่วมงานกันอีกครั้งกับอดีตโค้ชทั้ง เอแซ็ด อัล์คม่าร์ และเฟเยนูร์ด อย่าง โรนัลด์ คูมัน เขาลงสนามเป็นเกมแรกให้กับ “นักบุญแดนใต้” ในเกมที่พ่าย ลิเวอร์พูล 1-2 ที่สนามเซ้นต์แมรี่ส์สเตเดี้ยม ซึ่งต่อมาเขาสามารถยิงประตูแรกให้กับตัวเองได้สำเร็จช่วยให้ทีมเอาชนะ มิลล์วอลล์ 2-0 ใฟุตบอล ลีกคัพรอบสองและประตูแรกในลีกเกิดขึ้นในเกมที่เอาชนะเวสต์แฮมยูไนเต็ด 3-1 ในอีกสี่วันต่อมา

หลังจากนั้นเขาก็สามารถยิงประตูได้มากขึ้นเรื่อยๆจนกระทั่งเขาถูกเรียกไปติดทีมชาติอิตาลีในที่สุด และทำให้ เปลเล่ ได้รับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำเดือน กันยายน ร่วมกับ โรนัลด์ คูมัน ที่คว้ารางวัลผู้จัดการยอดเยี่ยมประจำเดือนเช่นเดียวกันจากนั้นล่าสุด ซานตงลู่เหนิง ทีมชื่อดังแห่งศึกไชนีสซูเปอร์ลีกตกเป็นข่าวเตรียมคว้าตัว กราเซียโน่ เปลเล่ กองหน้าทีมชาติอิตาลีจากสโมสรเซาแธมป์ตันในพรีเมียร์ลีกอังกฤษ มาร่วมทัพโดยมีค่าเซ็นสัญญาราว 13ล้านปอนด์(ราว 600 ล้านบาท)

แจกแล้วมากกว่า 1,000,000 บาท!!!

ร่วมสนุกไปกับ TS911 เว็บพนันออนไลน์ ครบวงจรอันดับ 1 ในปี 2019-2020 ให้บริการ บอล มวย บาคาร่า สล็อต เกมยิงปลา และเกมเดิมพันอื่นๆอีกมากมายที่รอให้ทุกท่านได้ร่วมลุ้นโบนัสที่จะทำเงินให้ท่านได้มากกว่างานประจำของท่านอย่างแน่นอน สมัคร TS911 วันนี้รับเครดิตฟรีมากมาย

แจกแล้วมากกว่า 1,000,000 บาท!!!

ร่วมสนุกไปกับ TS911 เว็บพนันออนไลน์ ครบวงจรอันดับ 1 ในปี 2019-2020 ให้บริการ บอล มวย บาคาร่า สล็อต เกมยิงปลา และเกมเดิมพันอื่นๆอีกมากมายที่รอให้ทุกท่านได้ร่วมลุ้นโบนัสที่จะทำเงินให้ท่านได้มากกว่างานประจำของท่านอย่างแน่นอน สมัคร TS911 วันนี้รับเครดิตฟรีมากมายที่ไอดีไลน์ @tsmember

การ์ลอส บักก้า ศูนย์หน้าชาวโคลอมเบียเกิดเมื่อวันที่  8กันยายน 1986 เมืองปูแอร์โต้ ประเทศโคลอมเบีย บักก้าเริ่มเล่นฟุตบอลกับสโมสร แอตเลติโก้จูเนียร์ ทีมในประเทศบ้านเกิดของเขา บักก้า
เกิดมาอยู่ในครอบครัวที่ยากจนเป็นอย่างมาก เขาจึงทำงานขณะเตะบอลไปด้วย โดยการขับรถโดยสารซึ่งเป็นงานที่เขาทำประจำหลังฝึกซ้อมฟุตบอลเสร็จ

บักก้าถูกยืมตัวมายัง บาร์รันคิลล่า และสามารถทำผลงานได้ดีพอสมควรโดยลงสนามไป 27นัด ยิงไป 12ประตู ซึ่งพอจบฤดูกาลกับ บาร์รันคิลล่า ก็มีสโมสรจากเวเนซูเอล่าอย่าง มิเนอร์เว็น เข้ามาสนใจในตัวเขาและติดต่อขอยืมตัว 1ฤดูกาลที่เวเนซูเอล่า บักก้ากลายเป็นขวัญใจของแฟนบอลมิเนอร์เว็นเลยทีเดียว หลังเขามีส่วนอย่างมากในการพาทีมจบอันดับที่ 2ของตาราง โดยเขายิงไปทั้งหมด 12ประตูจากการลงเล่น 29นัดซึ่งพอหมดสัญญายืมตัวบักก้ากลับมาเล่นให้กับบาร์รันคิลล่าอีกครั้ง ซึ่งในฤดูกาลนี้ฟอร์มการถล่มประตูของเขายังคงร้อนแรงอย่างต่อเนื่องเมื่อเขาสามารถคว้ารางวัลดาวซัลโวในฤดูกาลนี้มาครองได้สำเร็จด้วยการสังหารไปทั้งหมด 14ประตู จากการลงสนาม 19นัด

บักก้าได้กลับมาอยู่กับต้นสังกัดที่แท้จริงของเขาอย่างแอตเลติโก้จูเนียร์อีกครั้งซึ่งคราวนี้เขาถูกเรียกตัวไปเซ็นสัญญาเป็นนักเตะอาชีพกับสโมสรในทันที ฤดูกาลแรกของการเป็นนักเตะอาชีพของเขาก็สามารถคว้าตำแหน่งดาวซัลโวของศึก โคปาโคลอมเบียได้เลยในทันทีเมื่อปี 2009 และในปีต่อมาบักก้าก็กลายเป็นดาวซัลโวของลีกโคลอมเบียจนได้ยิ่งไปกว่านั้นในปี 2011 บักก้าก็สามารถคว้าดาลซัลโวได้อีกเป็นปีที่2 ติดต่อกันและพา แอตเลติโก้จูเนียร์จบในอันดับที่ 6และ7 ของตารางตามลำดับด้วยฟอร์มการถล่มประตูของเขาทำให้ชื่อของเขาดังกระหึ่มไปทั่วโคลอมเบียและไปไกลถึงยุโรปอีกด้วย บักก้าลงสนามให้ทีมไปทั้งหมด 130นัด ยิงไปได้ถึง 73ประตู

สุดท้ายบักก้าเลือกย้ายมาอยู่ที่เบลเยี่ยมโดยเลือกร่วมทีม คลับบรูกก์ โดยค่าตัวอยู่ที่ 1.5ล้านปอนด์โดยเซ็นสัญญาทั้งหมด 3 ปีบักก้า ลงประเดิมเกมแรกในสีเสื้อของ คลับบรูกก์ โดยถูกส่งลงสนามไปในฐานะตัวสำรองในนาทีที่ 68 ของเกม ในเกมที่พวกเขาแพ้ให้กับ เมเชเลน ไป 0-1 ซึ่งที่นี่ เขาใช้เวลาปรับตัวนานถึง 3 เดือนกว่าเขาจะเบียดขึ้นมาเป็นผู้เล่นตัวหลักได้ ต่อมาบักก้ายิงประตูแรกในลีกเบลเยี่ยม นเกมที่พวกเขาเอาชนะ เกนท์ ไป 1-0 แถมในเกมสุดท้ายของฤดูกาล บักก้าก็โชว์เหมาคนเดียว 2ประตู ให้ทีมเอาชนะคอร์ทริจค์ ไปได้ 3-2 พา คลับบรูกก์ จบอันดับ2 ของตารางได้สำเร็จ

การเดินทางของ การ์ลอส บักก้า

ฤดูกาล 2012-2013 บักก้ากลายเป็นกำลังหลักให้กับทีมจนได้ โดยเขาซัดไปแล้ว 18ประตู ซึ่งทำให้ตอนนั้นมีหลายต่อหลายสโมสรสนใจจะดึงตัวบักก้าไปร่วมทัพให้ได้ทาง คลับบรูกก์เลยนิ่งเฉยไม่ได้ต้องโดยได้ขยายสัญญา ถึงปี 2016 เลยทีเดียว

ความร้อนแรงของบักก้าไม่หยุดอยู่แค่นั้นเพราะเมื่อสิ้นสุดฤดูกาล 2012-2013 การ์ลอส บักก้า คว้ารางวัลดาวซัลโวของลีกเบลเยี่ยมมาครองได้สำเร็จและถูกโหวตให้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมประจำปีของเบลเยี่ยมอีกด้วยหลังจากนั้น 6 วันบักก้าก็ได้ประกาศอย่างชัดเจนว่าเขาต้องการจะย้ายทีมโดยบักก้าลงเล่นในกับคลับบรูกก์ ไปทั้งหมด 45นัดยิงไป 28ประตูกลายเป็นเซบีญ่าที่คว้าตัวบักก้ามาร่วมทีมได้สำเร็จด้วยค่าตัว 7ล้านยูโร และในสัญญายังมีการระบุค่าฉีกสัญญาไว้ด้วยโดยมีมูลค่า 30ล้านยูโรบักก้ายิงประตูแรกอย่างเป็นทางการในสีเสื้อของ เซบีญ่าได้สำเร็จด้วยการเอาชนะเอ็มลาดอสต์ มาได้ 3-0 ในศึกยูโรป้าลีกรอบคัดเลือกรอบ 3ส่วนประตูแรกในศึก ลาลีก้าลีก บักก้ายิงได้ในเกมที่พบกับแอตเลติโก้มาดริดซึ่งเกมนี้พวกเขาแพ้ไป 1-3

2014 บักก้าเหมาคนเดียว 2ประตูให้ เซบีญ่า เปิดบ้านเอาชนะเรอัลมาดริด ไปได้ 2-1 และในรายการยูโรป้าลีกเขาสามารถทำประตูได้อย่างต่อเนื่องจนพา เซบีญ่าคว้าแชมป์ได้สำเร็จโดยในฤดูกาลนี้ บักก้าถูกโหวตให้เป็นนักเตะยอมเยี่ยมของทวีป อเมริกาสำหรับในศึก ลาลีก้าลีกของสเปน นอกจากนี้บักก้ายังได้รับการโหวตจากสื่อสเปนให้เป็นการเซ็นสัญญาที่ยอดเยี่ยมของเซบีญ่าประจำฤดูกาล 2013-2014 อีกด้วย

บักก้าตัดสินใจต่อสัญญากับเซบีญ่าออกไปอีกถึงปี 2018เลยทีเดียวซึ่งในฤดูกาล 2014-2015นี้บักก้ายังไม่หยุดความร้อนแรงของตัวเขาลงเลยเพราะในศึกลาลีก้าลีกของสเปน เขาซัดไปได้ 20ประตูจากการลงสนาม 36 นัดแถมยังช่วยให้เซบีญ่าป้องกันแชมป์ยูโรป้าลีก ได้สำเร็จอีกด้วยโดยในนัดชิงชนะเลิศบักก้าก็ยังโชว์เหมาคนเดียว 2ประตูให้เซบีญ่าคว้าแชมป์ได้สำเร็จ บักก้าร่วมทีมกับเซบีญ่าได้เพียง2ปี  สโมสรเอซีมิลานก็ทุ่มเงิน 30 ล้านปอนด์ซื้อตัวบักก้ามาร่วมทีมและเขาก็กลายเป็นนักเตะสำคัญของปีศาจแดง-ดำแต่ล่าสุดบักก้าย้ายจากมิลานมาอยู่กับบียาร์เรอัลแบบยืมตัวพร้อมออปชั่นซื้อขาด 15.5ล้านยูโรหลังยิงให้ปีศาจแดง-ดำ 34ประตูจากการลงเล่น 76นัด

แจกแล้วมากกว่า 1,000,000 บาท!!!

ร่วมสนุกไปกับ TS911 เว็บพนันออนไลน์ ครบวงจรอันดับ 1 ในปี 2019-2020 ให้บริการ บอล มวย บาคาร่า สล็อต เกมยิงปลา และเกมเดิมพันอื่นๆอีกมากมายที่รอให้ทุกท่านได้ร่วมลุ้นโบนัสที่จะทำเงินให้ท่านได้มากกว่างานประจำของท่านอย่างแน่นอน

แกเร็ธ เบล นักเตะที่แจ้งเกิดในสโมสรบาร์เซโลน่า ด้วยค่าตัวแพงที่สุดในโลก ด้วยค่าตัวประมาณ 85.3 ล้านปอนด์ ปัจจุบันเล่นในตำแหน่งตัวรุกท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ มีสไตล์การเล่นค้ายคลึงกับคริสเตียโน่ โรนัลโด้

เบล เกิดที่คาร์ดิฟฟ์ เมืองหลวงของเวลส์ และเป็นหลานชายของ คริส ไพค์ อดีตผู้เล่นของสโมสรคาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ อีกด้วย โดยสมัยที่เขาอายุได้ 9 ขวบ ก็ได้รับความสนใจจากแมวมองของเซาท์แธมป์ตัน จากนั้น เบล ก็เข้าเรียนที่โรงเรียนวิทเชิร์ช ไฮสคูล ในคาร์ดิฟฟ์ ที่ซึ่งเขาลงเล่นรักบี้, ฮ็อคกี้ และวิ่งระยะไกล ไปพร้อมกับการเล่นฟุตบอล โดยระหว่างที่เรียนที่วิทเชิร์ช เบล ก็ได้ฝึกฝีเท้ากับสถาบันฟุตบอลของทีม “นักบุญ” ที่เมืองบาธ ไปด้วยพร้อมๆ กัน

เมื่ออายุได้ 16 ปี เบล ก็เป็นกำลังสำคัญที่ช่วยให้ทีมชุดอายุต่ำกว่า 18 ปีของโรงเรียนคว้าแชมป์ “คาร์ดิฟฟ์ แอนด์ เวลซีเนียร์ คัพ” ไปครองได้สำเร็จ และเมื่อเขาเรียนจบในช่วงซัมเมอร์ 2005 แผนกพลศึกษาของโรงเรียนก็ได้มอบรางวัลยอดเยี่ยมด้านกีฬาให้กับ เบล อีกด้วย

เบล พัฒนาฝีเท้าได้อย่างรวดเร็วและเริ่มมีชื่อเสียงในฐานะจอมยิงฟรีคิกของ “นักบุญ” ขณะที่เกมสุดท้ายของเขากับเซาแธมป์ตัน เป็นเกมเพลย์ออฟแชมเปี้ยนชิพ รอบรองชนะเลิศ กับดาร์บี้ เมื่อวันที่ 12 เม.ย. 2007 แต่เขากลับโชคร้ายได้รับบาดเจ็บในช่วงครึ่งหลังจนไม่สามารถฝืนเล่นต่อไปได้ โดยเบล ได้ลงเล่นให้ “นักบุญ” ไปทั้งหมด 45 นัด และทำไป 5 ประตู

จากนั้น เบล ก็ได้ย้ายไปค้าแข้งกับ สเปอร์ เมื่อวันที่ 25 พ.ค. 2007 โดยเซ็นสัญญาด้วยกันเป็นเวลา 4 ปี โดย “ไก่เดือยทอง” สเปอร์ จ่ายค่าตัวไป 5 ล้านปอนด์ (ราว 300 ล้านบาทในเวลานั้น) พร้อมกับอ็อปชั่นที่ว่าจะต้องจ่ายเงินเพิ่มเติมหากว่า เบล สามารถช่วยให้สเปอร์ส ประสบความสำเร็จได้ ซึ่งคาดว่ารวมๆ แล้วอาจจะสูงถึง 10 ล้านปอนด์

เบล ประเดิมสนามนัดแรกให้สเปอร์ส ในนัดอุ่นเครื่องกับ เซนต์ แพทริค เมื่อวันที่ 12 ก.ค. 2007 ก่อนที่จะถูกเปลี่ยนตัวในช่วงท้ายเกมเนื่องจากบาดเจ็บ จากนั้น เบล ก็สามารถพังประตูแรกให้ “ไก่เดือยทอง” ในแมตช์อย่างเป็นทางการได้สำเร็จในเกมที่เสมอกับฟูแล่ม 3-3 เมื่อวันที่ 1 ก.ย. 2007 ก่อนที่จะตามมาด้วยการทำสกอร์จากฟรีคิกในเกมดาร์บี้แมตช์แห่งลอนดอนเหนือกับอาร์เซน่อล และตามด้วยการทำประตูในเกมลีก คัพ ที่พบกับ มิดเดิลสโบรช์  ซึ่งทำให้เขากลายเป็นขวัญใจแฟนบอลสเปอร์สอย่างรวดเร็วหลังทำไป 3 ประตูจากการลงสนาม 4 นัดแรก

ในช่วงต้นเดือนธ.ค. 2007 เบล ก็ประสบปัญหาอาการบาดเจ็บที่ข้อเท้าขวาอย่างรุนแรง จนต้องพักนานหลายเดือน อย่างไรก็ตาม ในเดือนส.ค. 2008 เขาก็ได้ขยายสัญญากับสเปอร์ส เพิ่มอีก 4 ปีแม้ส่วนตัวแล้วจะทำผลงานได้ดี แต่ไม่น่าเชื่อว่า เบล จะมีสถิติลงเล่นเกมพรีเมียร์ลีก 24 นัดให้สเปอร์ส โดยที่ทีมไม่ชนะเลยซึ่งกว่าที่เขาจะได้สัมผัสชัยชนะในลีกเป็นนัดแรกก็ต้องรอจนถึงเกมที่พบกับเบิร์นลี่ย์ เมื่อวันที่ 26 ก.ย. 2009 ซึ่งกินเวลามากกว่า 2 ปี หลังจากที่เซ็นสัญญาในถิ่นไวท์ ฮาร์ท เลน โดยเกมดังกล่าวเขาถูกเปลี่ยนลงมาเป็นตัวสำรองในนาทีที่ 85

ฤดูกาล 2010-11 เบล เริ่มต้นได้อย่างสวยหรูเมื่อยิงคนเดียว 2 ประตูให้ทีมชนะ สโต๊ค ซิตี้ 2-1 เมื่อวันที่ 21 ส.ค. 2010 และถัดมาอีก 4 วัน เขาก็ทำแอสซิสต์ทั้ง 4 ลูกให้ สเปอร์ส ถล่ม ยัง บอยส์ เบิร์น จากสวิตเซอร์แลนด์ 4-0 ในศึกแชมเปี้ยนส์ ลีก รอบเพลย์ออฟ ที่ไวท์ ฮาร์ท เลน

ฤดูกาล 2012-13 แกเร็ธ เบล เปลี่ยนมาใส่เสื้อหมายเลข 11 ซึ่งเป็นเบอร์ไรอัน กิ๊กส์ ขวัญใจของเขาในทีมชาติเวลส์ นั่นเอง ในฤดูกาลนี้ เบล ทำแฮตทรกแรกให้กับตัวเองในพรีเมียร์ลีก ในนัดบ็อกซิ่ง เดย์ ที่บุกถล่ม แอสตัน วิลล่า 4-0 จากนั้นเขาก็ทำประตูได้อย่างต่อเนื่องและมีลูกสวยๆมาให้เห็นมากมายโดยเฉพาะลูกโซโล่เดี่ยวจากกลางสนามในเกมเสมอนอริช 1-1 ตามด้วยยิงไกลสุดสวยในนัดที่บุกเอาชนะ เวสต์บรอมวิช 1-0 ก่อนที่เบลจะทำประตูทะลุ 15 ตุงในเกมชนะนิวคาสเซิ่ล 2-1 และล่าสุด เบล ยังฟอร์มแรงแบบฉุดไม่อยู่โดยเขาจัดการยิงประตูอริร่วมเมืองอาร์เซน่อล เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2013 ตามด้วยประตูเบิกร่องในแมตช์ต้อน อินเตอร์ มิลาน 3-0 ในศึกยูโรป้า ลีก เลกแรก

แจกแล้วมากกว่า 1,000,000 บาท!!!

ร่วมสนุกไปกับ TS911 เว็บพนันออนไลน์ ครบวงจรอันดับ 1 ในปี 2019-2020 ให้บริการ บอล มวย บาคาร่า สล็อต เกมยิงปลา และเกมเดิมพันอื่นๆอีกมากมายที่รอให้ทุกท่านได้ร่วมลุ้นโบนัสที่จะทำเงินให้ท่านได้มากกว่างานประจำของท่านอย่างแน่นอน