โรเบิร์ต เอ็งเค่ : พลังร้ายจากมุมมืดที่นำไปสู่โศกนาฏกรรม
นี่คือเรื่องราวความดาร์กของนักฟุตบอลทีมชาติเยอรมัน โรเบิร์ต เอ็งเค่ นอกจากเขา คือ คนเก่งที่ลุยแหลก เพื่อคว้าความสำเร็จ และมีชีวิตที่น่าอิจฉา ทว่าเรื่องที่ซ่อนอยู่ข้างในของเขา มันร้ายแรงจนไม่อาจจะพูดอธิบายออกมาได้ และมันเป็นระเบิดเวลาที่ทำให้เขามาถึงทางตันของชีวิต
เอ็งเค่ เป็นชาวเยอรมัน แต่ว่าเขาเติบโตในฝั่งทิศตะวันออกที่มิได้มีความรุ่งโรจน์มากอะไรนัก เพราะเหตุว่าเป็น "พื้นที่สีเเดง" อยู่ภายใต้อิทธิพลของรัสเซีย ซึ่งเป็นหัวหน้าโลกลัทธิคอมมิวนิสต์ ในเวลาที่ฝั่งเยอรมันตะวันตกนั้นก้าวหน้ากว่า ภายใต้การปกครองระบบระบบประชาธิปไตย โดยทั้งคู่ฝั่ง มีเพียงแต่กำเเพงเบอร์ลินกีดขวางอยู่แค่นั้น
ในปี 1990 รัฐบาลระบอบคอมมิวนิสต์ที่เยอรมันทิศตะวันออกประกาศเลิกหน้าที่ของตัวเอง หลังจากกำแพงเบอร์ลินถูกทำลายลงเมื่อ 1 ปีกลายหน้า เวลานั้น เอ็งเค่ อายุ 12 ปี มันเป็นตอนๆเวลาสำคัญ ที่เด็กน้อยได้เปิดโลกทัศน์ แล้วก็ทราบว่าบอลของฝั่งตะวันตกนั้นไปไกลขนาดไหน รวมทั้งเจ้าตัวก็เริ่มไปสู่กลุ่มเยาวชนของ คาร์ล ไซสส์ เยน่า ซึ่งเป็นกลุ่มรกรากของเขา
ตอนการเริ่มต้นอาชีพบอลของ แกเค่ ไปเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ ด้วยเหตุว่าจำนวนมากแล้วผู้เฝ้าประตูนั้น มักเป็นตำแหน่งที่จะใช้ผู้ที่แก่มากมาย มีประสบการณ์ แล้วก็ความนิ่งเป็นตัวเลือกลำดับแรก แต่กับมึงเค่ พอเพียงอายุได้ 17 ปี เขาได้ออกตัวเป็นตัวจริงกับ เยน่า เเล้ว รวมทั้งกิตติศัพท์ของโกลเด็กเทวดาจากเยอรมันทิศตะวันออกก็ดังไปไกล ในที่สุดเขาถูกกลุ่มดังจากฝั่งตะวันตกอย่าง โบรุสเซีย มึนเป็นต้นว่ากลัดบัค ดึงตัวไปร่วมกลุ่ม
และก็หลังจากนั้นมันก็เป็นการเดินทางที่เหนือความมุ่งมาดของเด็กข้างหลังกำแพงเบอร์ลิน เนื่องจาก เธอเค่ ได้ออกไปค้าลำแข้งยังต่างเเดนกับ เบนฟิก้า และก็ภายใต้การช่วยสนับสนุนของที่ปรึกษาคนพื้นเพเดียวกันอย่าง จุ๊ปป์ ไฮย์เกส เอ็งเค่ เปลี่ยนเป็นประตูดาวรุ่งที่ตามที่สุดที่สมัยคนหนึ่งจนกระทั่งขั้นที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ในสมัย เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน คิดจะดึงตัวมาร่วมทีมอย่างยิ่งจริงๆ
ชายหนุ่มวัย 22 ปี ดูเหมือนจะมีชีวิตที่พรั่งพร้อมจะเป็นผู้นำครอบครัว ก่อนที่จะไปประเทศโปรตุเกสเพื่อค้าลำแข้งกับเหยี่ยวลิสบอน เขาขอ เทเรซ่า แฟนสาวของเขาสมรส แล้วก็ข้อตกลงว่าจะดูแลคุณไปตลอดชาติ รวมทั้งหวังอย่างมากว่า คุณจะไปกับเขาในทุกหนทุกแห่ง ตลอดอาชีพนักเตะ
ชีวิตของ เอ็งเค่ จะต้องเป็นขาขึ้นต่อไป แต่ทว่าข้อเท็จจริงเเล้วอาชีพนักเตะอะไรมันก็ไม่แน่นอน เหตุการณ์ที่เสมือนเดินเหยียบอยู่บนก้อนเมฆ บางทีก็อาจจะกลายเป็นเดินลงเหวได้ในช่วงเวลาอันสั้นแม้ไม่ระวังแต่ละก้าวของตนให้ดีๆซึ่งมึงเค่ ก้าวพลาดและก็หล่นลงไปในเหวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกบอล แล้วก็เหวที่นั้นชื่อว่า "บาร์เซโลน่า"
บาร์ซ่า ในสมัยนั้นคุมกลุ่มโดย หฝ่าส์ ฟาน กัล ระหว่างที่ มึงเค่ ย้ายเข้าไปได้ไม่นาน เขารู้สึกในทันทีว่า นี่บางทีก็อาจจะไม่ใช่การตัดสินใจที่ถูกนัก เนื่องจากว่าปรัชญาของ บาร์เซโลน่า ทุกคนจำเป็นต้องออกบอลด้วยเท้าเจริญ มีความถนัดด้านบอลที่สุดยอดไม่เว้นแม้กระทั้งผู้เฝ้าประตู
ตัวของ แกเค่ เองนั้นเป็นประตูสไตล์โบราณ มีอารมณ์ร่วมกับเกมสูง ใช้ความดุเดือดรวมทั้งเน้นย้ำไปที่ลูกเซฟมากยิ่งกว่า ด้วยเหตุนี้ในขณะกับบาร์เซโลน่า ก็เลยนับว่าเป็นตอนที่ชีวิตนักเตะสะดุด เขากลายเป็นมือ 3 ของกลุ่ม รองจาก โรกางร์โต้ โบที่นาโญ่ ที่เป็นมือ 1 ช่วงเวลาที่มือ 2 เวลานี้เป็นเด็กถิ่นอย่าง บิคโคนร์ บัลเดส
เล่นอย่างไรก็ไม่ไหว ปรับเช่นไรมันก็ไม่ใช่ตนเอง คราวหนึ่งเขาเคยกล่าวว่าเกิดขึ้นมาตลอดชีวิตก็พึ่งจะรู้ดีว่าการเป็นผู้เฝ้าประตูนั้นมันยากขนาดนี้ โดยยิ่งไปกว่านั้นที่ บาร์เซโลน่า นั้นถือได้ว่ากลุ่มที่ยากที่สุดในโลกสำหรับผู้เฝ้าประตูอย่างยิ่งจริงๆ ซึ่งมันก็เป็นอย่างที่เขาว่าเนื่องจากเขาได้เล่นให้บาร์ซ่า กับเกมเล็กๆในบอลถ้วย ส่วนเกมลาลีกา เจ้าตัวได้เล่นเพียงแค่ 20 นาทีแค่นั้น ก่อนถูกปลดปล่อยยืมให้ เฟเนร์บาห์เช่ ในประเทศตุรกี รวมทั้ง เตเนริเฟ่ กลุ่มในลีกรองของประเทศสเปน
การเป็นคนทะยานอยาก แล้วก็โดนเบรกทันควันจากแผนการที่เล็งไว้ถึงกลุ่มชาติเยอรมัน กลายเป็นว่าในช่วงเวลานี้ เอ็งเค่ เริ่มเจอกับอาการจิตตก ภาวะจิตใจของเขาเหม่อ คิดเสมอว่าตนเองมาทำอะไรตรงนี้ แม้กระนั้นก็ยังหลอกตัวเองว่าเขายังสามารถบรรลุความสำเร็จที่ บาร์เซโลน่า ได้ มันเป็นความแน่ใจของชายหนุ่มวัย 25 ปี ที่มีหัวหัวใจที่พร้อมจะเอาชนะทุกสิ่งทุกอย่างได้ จนถึงลืมตรวจสอบเข้าไปในความนึกคิดของตนเองว่า "อะไรเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้น"
ในสมัยสิบกว่าปีกลาย เรื่องของโรคเศร้าใจยังมิได้กล่าวถึงเป็นวงกว้างแล้วก็ยังปราศจากความรู้เรื่องคนไข้มากเท่าไรนัก ตัวของ แกเค่ เองก็ไม่ทราบว่าเขาเป็นอะไร แต่ว่าทุกคืนที่หลับตาลงที่ประเทศสเปน เขาจะผวาตื่นตอนดึก และก็ฝันถึงสิ่งแปลกๆที่สำหรับคนสามัญจัดว่ามิได้ร้ายเเรงอะไรโน่นเป็นการฝันว่า "เขาฝึกซ้อมอยู่ แล้วก็โดนเพื่อนพ้องร่วมกลุ่มยิงเข้าประตูไป" ปกติมากมายสำหรับตำแหน่งประตูที่จะต้องโดนยิง แต่ว่า มึงเค่ นั้นไม่ใช่ รวมทั้งผู้ที่เข้าใจนี้คนแรกเป็นบิดาของเขาเอง
โรเบิร์ต เอ็งเค่ กับความเจ็บที่ไม่สามารถพูดได้
เดิร์ก เอ็งเค่ มีอาชีพนักจิตวิทยาทางด้านกีฬาโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ด้วยเหตุผลดังกล่าวเเว่บแรกที่เขามองเห็นลูกชายเขาก็ทราบเเล้วว่า โรเบิร์ต อยากข้อเสนอแนะรวมทั้งการเกื้อกูล มากยิ่งกว่าการเพียงแค่ตบบ่าแล้วก็ให้กำลังใจจากสหายร่วมกลุ่ม
"โรเบิร์ต กลัวว่าเขาจะแปลงเป็นผู้ที่ไม่ได้การ เขาไม่เชื่อมั่นในตนเองเลย (ในตอนกับ บาร์ซ่า) ความนึกคิดของเขาถูกขังไว้ภายในกรงที่ความทะยานอยาก" เดิร์ก ผู้เป็นบิดาเล่า
"เวลาที่สำคัญกับเขาเยอะที่สุด โรเบิร์ต แปลงเป็นคนกลัวลูกฟุตบอล เขากลัวว่าจะมีคนใดกันมายิงมันผ่านเขาไป ทุกๆตอนเช้าเขาจะพบสิ่งรบกวนหัวใจรวมทั้งผวาเมื่อใดก็ตามบอลเข้าประตู เขาไม่กล้าแม้ว่าจะจินตนาการเลยด้วยไป เขาถามผมว่าบิดาจะโกรธผมไหม หากผมต้องการจะเลิกเล่นบอล ผมก็พูดว่า ‘มันไม่ใช่หัวข้อหลักเลยไอ้ลูกชาย แม้กระทั้งพระผู้เป็นเจ้าก็ไม่ว่าลูกหรอก’"
เธอเค่ เริ่มขาดฝึก ไม่ใช่ด้วยเหตุว่าไม่มีระเบียบแต่ว่า เนื่องจากกลัวกระทั่งเหลือเกินอย่างที่บิดาของเขาว่า แล้วก็เนื่องจากว่าบิดาของเขาเป็นผู้ที่ชำนาญหัวข้อนี้ เขารู้เท่าทันคราวว่าภาวะจิตใจแบบงี้จำเป็นต้องได้รับการเยียวยารักษาอย่างเร่งด่วน
เดิร์ก มานะจะช่วยลูกชายอย่างมากด้วยการให้เขาเลิกเล่นเสียรวมทั้งออกมารักษาตัวอย่างเอาจริงเอาจัง แม้กระนั้นด้วยเหตุใดไม่รู้จักได้ แกเค่ กล่าวว่าเขาจะยังไม่เลิกเล่น และไม่อยากที่จะไปพบจิตเเพทย์แบบเผย เพราะเหตุว่าแม้สมาพันธ์ต่างๆทราบว่า ผู้เฝ้าประตูคนนี้เป็นคนเจ็บจิตเวชศาสตร์ ไม่แคล้วเขาน่าจะไม่มีช่องทางได้เล่นบอลอีกต่อไป
"เขาเฉียดฉิวสถานพยาบาลจิตเวชศาสตร์บ่อยครั้ง แต่ว่าพอเพียงใกล้เขาก็พูดว่า ‘อาชีพของเขาจบเห่แน่ถ้าเกิดเดินเข้าไปตรงนั้น บอลเป็นอย่างเดียวที่ผมทำเป็นดีแล้วก็มีอารมณ์ร่วมกับมัน’" แม้ว่าจะต้องการช่วยขนาดไหนแม้กระนั้น เดิร์ก ก็ทำเป็นเพียงแค่เสนอแนะ โรเบิร์ต ไม่ได้อยากต้องการหาแพทย์และก็มั่นใจว่าการเป็นนักเตะถัดไปมันยังดียิ่งกว่าแน่
เมื่อเลิกเล่นมิได้ก็จำเป็นต้องออกมาจากสถานที่ที่ทำให้จิตใจหม่นหมอง ในปี 2004 เธอเค่ ย้ายออกจาก บาร์เซโลน่า มาอยู่กับ ฮันโนเวอร์ ที่เยอรมันอีกที ทุกคนมั่นใจว่าการเปลี่ยนบรรยากาศ จะมีผลให้ทุกสิ่งเบาๆกลับมาดียิ่งขึ้น และก็ท้ายที่สุดความแปลกที่เกิดขึ้น มันจะเบาๆดีขึ้นเเละหายไป
สิ่งดีอย่างแรกเริ่มปรากฎ เทเรซ่า เมียของเขาตั้งท้องบุตรสาวคนแรกในปีนั้นพอดิบพอดี การมีลูกเสมือนเข็มทิศชี้ให้ชีวิตเดินไปในแนวทางที่ถูกและก็สมควร โดยเหตุนั้น เอ็งเค่ ก็เลยกลับมาอยู่ในภาวะที่เรียกว่าดียิ่งขึ้นมากมายจากหน้ามือเป็นหลังมือ ทั้งยังในชีวิตประจำวัน แล้วก็ฟอร์มการเล่นในสนามกับฮันโนเวอร์
การนับวันรอคอยที่จะเจอกับบุตรหลานของตนเป็นไปอย่างตื่นเต้น แม้กระนั้นภายหลังจากไปสู่ช่วงปลายปี 2004 เทเรซ่า ไปตรวจเจอหมอตามเดิม แต่ทีนี้หมอบอกว่าเด็กจะเกิดขึ้นมาพร้อมด้วยปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพ และก็เสนอแนะให้คุณทำแท้งเสีย
หัวใจที่พังทลายของ เอ็งเค่ทำให้ เทเรซ่า เมียของเขาพาย้ายที่อยู่ใหม่อีกที ด้วยการไปอาศัยอยู่ในบ้านทุ่ง พร้อมทำฟาร์มเป็นรายได้เสริม ชีวิตครอบครัวเสมือนจะกลับมาเป็นสุข ผัวและก็เมียคู่นี้ต่างก็รักสัตว์ร่วมกันทั้งสอง พวกเขาก็เลยร่วมรณรงค์กับ "พีต้า" ต้านทานอุตสาหกรรมขนสัตว์
เขากลับมาจุดโฟกัสกับบอลใหม่ ในช่วงฤดูกาล 2007-08 ฮันโนเวอร์ ในสมัยผู้จัดการทีมฟุตบอล ดีเตอร์ เฮ็คกิ้ง มอบหมายให้เขาเป็นกัปตันกลุ่ม ในตอนที่ แกเค่ ก็เซฟกระจัดกระจายจนกระทั่งเปลี่ยนเป็นผู้เฝ้าประตูที่ยอดเยี่ยมในบุนเดสลีก้าฤดูดังที่ได้กล่าวมาแล้ว แล้วก็ดีถึงขั้นที่ว่าก้าวไปติดกลุ่มชาติเยอรมันในปี 2009 อย่างยิ่งจริงๆ
เหตุผลบางทีอาจจะเป็นเนื่องจากความเจ็บช้ำน้ำใจนั้นดีขึ้นกว่าเดิมเมื่อครอบครัวของ แกเค่ รับตัว ไลล่า เด็กผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาเป็นบุตรบุญธรรม ไม่มีผู้ใดรู้ดีว่า โรเบิร์ต มึงเค่ คิดเช่นไรที่รับตัว ไลล่า มาอุปถัมภ์ เนื่องจากเขาไม่เคยเผยประเด็นนี้เองสักหนึ่งครั้ง แต่ว่าสิ่งหนึ่งที่แน่ๆมากกว่า เป็น โรคไม่สบายใจกลัวบอลที่เคยเป็นที่ บาร์เซโลน่า กลับมาก่อตัวอีกทีในตอนที่เสียลอร่าไป
"ฉันมานะอยู่กับเขาเสมอรวมทั้งบอกเขาว่าบอลไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่าง ชีวิตนี้มีความสวยอีกเยอะมาก ฉันต้องการจะช่วยดันให้เขาไปด้านหน้าหลุดพ้นความหวาดกลัวไป ขณะนี้เขากลัวที่จะสูญเสียไลล่าไปอีกคน" เทเรซ่ากล่าว
ถึงแม้ผู้ที่บ้านจะทราบว่า มึงเค่ กำลังเจ็บป่วยโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เทเรซ่า ที่เคยช่วย โรเบิร์ต จากการฆ่าตัวตายมาแล้วหนึ่งครั้ง แม้กระนั้นการเก็บมันเอาไว้ ทำให้ไม่เคยมีคนไหนในสมาคมเลยที่รับทราบเรื่อง เขายังประพฤติตัวเหมือนเช่นเคยด้วยการไปฝึกและก็ลงไปในสนามดังไม่มีอะไรเกิดขึ้น เเม้ เทเรซ่า จะอุตสาหะขอความช่วยเหลือให้เขาเผยเรื่องจริงกับสาธารณะราวกับที่ เซบาสเตียน ไดส์เลอร์ สมัยก่อนอัจฉริยะลูกหนังชาวเยอรมันเคยทำ และก็ได้รับความช่วยเหลือเกื้อกูลจากหลายข้างจนถึงหายดี แต่ว่า เอ็งเค่ ก็ปฎิเสธตลอด เสมือนว่าเขาต้องการเอาชนะบางสิ่งด้วยตัวของเขาเอง ไหมอย่างงั้น เขาก็กลัวว่าตนเองจะมีชีวิตที่มีค่าเพียงน้อยนิดถ้าหากว่าไม่มีบอล
แต่ว่าการเก็บไว้นานก็แปลงเป็นระเบิดเวลา จากปัญหาจิตใจลุกลามมาคือปัญหาสภาพร่างกาย เขาล้มป่วยด้วยอาการติดโรคในท้องอย่างหนัก จนถึงทำให้จำต้องรักษาตัวอยู่ระยะหนึ่ง รวมทั้งหลุดโผจากกลุ่มชาติท้ายที่สุด ถึงแม้ว่าในขณะนั้น หลายข้างเห็นว่า แกเค่นี่แหละ เป็นมือ 1 ของกลุ่มอินทรีเหล็กในบอลโลก 2010 ที่ใกล้จะมาถึง