ถ้ามีคนพูดว่า ชาคีลล์ โอนีลล์ เป็นหนึ่งในผู้เล่นเซ็นเตอร์ที่เยี่ยมที่สุดใน NBA ควรมีอีกคนหนึ่งคัดค้านขึ้นมาว่า "ไม่ๆ ฮาคีม โอลาจูวอน ต่างหากที่ดีมากยิ่งกว่า"
ปัญหาว่าคนใดกันเก่งกว่ากันกันแน่? เป็นปริศนาสุดคลาสสิกที่โต้แย้งกันเช่นไรก็ไม่จบ ตอนปลายของทั้งสองมีการบรรลุผลอยู่เต็มกระบุงแม้กระนั้นจุดกำเนิดนั้นแตกต่างกันลิบตาลับ
แชค เติบโตแบบเด็กอเมริกันสุดที่รักในกีฬา ลงเล่นบาสตั้งแต่ยังเด็ก และก็เป็นเด็กเทวดาตั้งแต่ระดับไฮสคูล ในเวลาที่ ฮาคีม นั้นออกตัวหนแรกตอนอายุ 15 ปี แน่ๆว่าการเริ่มนั้น ฮาคีม เป็นมวยรองทุกด้าน แม้กระนั้นท้ายที่สุดเขาได้รับการสรรเสริญในระดับเดียวกับ แชค ได้ยังไง
ความสามารถพิเศษก็แค่ส่วนหนึ่งส่วนใด แต่ว่าในความเป็นจริงแล้วมันมีเบื้องหน้าเบื้องหลังแอบซ่อนอยู่ ฮาคีม โอลาจูวอน จะเป็นไปไม่ได้ติดตาม แชค ได้ทันเลย หากว่าไม่มีคุณครูคนหนึ่งที่ทำให้เขาเก่งขึ้นอย่างก้าวกระโจน
นานมาแล้วที่ประเทศมหาอำนาจในทวีปยุโรปไล่ล่าประเทศอาณานิคมเพื่อขยายความยิ่งใหญ่ พวกเขาฝ่าผ่านห้วงสมุทร รวมทั้งพบกับทวีปแอฟริกา ดินแดนใหม่ที่ยังไม่มีผู้ใดศึกษาและทำการค้นพบ ที่ที่นี้มีทรัพยากรธรรมชาติเยอะมากรวมทั้งแล้วการไล่ล่าก็เริ่มขึ้น
ชาวยุโรปไม่เคยมองเห็นมนุษย์เชื้อสายนิกรอยด์มาก่อน แล้วก็มันทำให้พวกเขาแปลกใจ เพราะเหตุว่า "นิกรอยด์" (หรือชาวผิวสี) เป็นมนุษย์ที่มีสายพันธุ์อดทนที่สุด ร่างกายสูงใหญ่ กล้ามมีคงทนถาวรรวมทั้งแข็งแรงมากมาย ถ้าเกิดสู้กันด้วยมือไม่แล้วยากที่เชื้อสายไหนจะเอาชนะนิกรอยด์ได้
แต่ว่าตามความเป็นจริง "คอเคซอยด์" (หรือฝรั่ง) มีสิ่งหนึ่งที่ทรงอำนาจกว่านั่นเป็นพัฒนาการ ขณะที่ชาวแอฟริกายังล่าสัตว์ด้วยของมีคมหนใช้เป็นอาวุธ พวกยุโรปไปไกลถึงกับขนาดใช้ลูกกระสุนปืนดินดำเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการปลิดชีพศัตรูเป็นระเบียบแล้ว
พัฒนาการทำให้หลายชาติในยุโรปเย็บปกครอบครองดินแดนต่างๆในแอฟริกาได้มากมาย สิ่งที่มาพร้อมๆกับอาวุธและก็การปกครองเป็น วัฒนธรรมของเหล่าคนผิวขาวที่คนแอฟริกาได้รับอิทธิพลไปอย่างหลีกเลี่ยงมิได้
ไม่เว้นแม้กระทั้งเรื่องของกีฬา ชาติมหาอำนาจอย่าง ประเทศโปรตุเกส, อังกฤษ, ประเทศฝรั่งเศส, ประเทศสเปน แล้วก็อื่นๆนิยมเล่นบอลรวมทั้งเป็นกีฬาชั้น 1 ของประเทศ ซึ่งแน่ๆว่าสิ่งนี้ทำให้ประเทศต่างๆในแอฟริกามักมีกีฬาบอลเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมไม่ได้แตกต่างกัน
ระยะเวลาผ่านไปนับเป็นเวลาหลายปีดีดัก สมัยของการกดขี่แบบเต็มแบบอย่างพ้นไป คนอัฟริกาก็เลยได้เริ่มรู้จักกีฬาอื่นๆมากเพิ่มขึ้น โดยยิ่งไปกว่านั้นเมื่ออเมริกาก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจของโลก "บาสเกตบอล" ก็เลยเป็น 1 ในทางเลือกของวัยรุ่นแอฟริกันขึ้นมา
อย่างไรก็ดีแอฟริกันไม่ถนัดและไม่ค่อยบรรลุผลสำเร็จในกีฬาที่แข่งขันเป็นทีม (บนเวทีระดับนานาชาติ) ด้วยเหตุผลหลายประการ เช่น กีฬาที่เล่นเป็นทีมนั้นมีต้นทุนสูง รวมทั้งรวมทั้งรายได้ของสามัญชนก็ไม่เกินพอพอที่จะชำระเงินเข้าไปมองในสนาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งบาสเกตบอลที่ไม่ใช่กีฬายอดฮิตแต่ก่อนยิ่งยากจะบรรลุความสำเร็จ มีเพียงแต่ แองโกล่า ชาติเดียวเพียงแค่นั้นที่มีบาสเกตบอลเป็นกีฬาชั้น 1 ของประเทศ แต่ว่าถึงแบบงั้นพวกเขาก็ยังไม่ติดท็อป 10 ในชั้นโลกอยู่ดี
ไม่ว่าที่แห่งใดในโลกล้วนย่อมมีบุคคลที่แตกต่างกัน และก็ที่ ไนจีเรีย ประเทศที่มีกีฬาบอลเป็นชั้น 1 ของประเทศ และก็เคยครอบครองแชมป์โลกระดับเยาวชนมาแล้ว กลับมีเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่ร่างกายสูงและก็ผ่ายผอม เขาไม่เหมาะสมกับบอล รวมทั้งโน่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาจำต้องเลือกบาสเกตบอลแทน
เด็กคนนั้นชื่อ ฮาคีม โอลาจูวอน ลูกชายของคนงานร้านค้าขายซีเมนต์ ตอนต้นเขาก็เล่นบอลดังเด็กๆคนอื่นๆ แม้กระนั้นก็จำต้องไปเล่นเป็นผู้เฝ้าประตูจากลักษณะทางร่างกาย ในที่สุดเขาก็เบื่อบอลและก็หันมาเล่นบาส แม้กระนั้นการปรับตัวก็เป็นไปอย่างเหนื่อยยาก เพราะว่าแม้ว่าจะตัวสูง แม้กระนั้นตอนแรกๆที่เล่นบาส เขาดังค์ลูกไม่เป็นเลยด้วย แม้กระนั้น เจ้าตัวกลับลุ่มหลงในกีฬาใหม่นี้อย่างมาก
"บาสเกตบอลเป็นกีฬาที่มีเอกลักษณ์เฉพาะนะ เพียงแค่คราวแรกที่ผมได้เล่น ผมก็คิดว่า นี่เป็นชีวิตของผมแล้ว" นี่เป็นคำรับรองจากปากของฮาคีม
ถึงแม้การเริ่มจะติดๆขัดๆ แม้กระนั้นจังหวะของเขาก็มาถึงแล้วก็มันมีโชคไม่น้อย เมื่อ คริสโตเฟอร์ ปอนด์ ผู้ฝึกสอนบาสคนประเทศอเมริกาสถานที่สำหรับทำงานให้กับกระทรวงเมืองนอกของสหรัฐฯในไนจีเรียกำเนิดไปพบกับ ฮาคีม ในวัย 15 ปี
ปอนด์ แน่ใจว่าถ้าเด็กคนนี้ได้วีซ่าไปเรียนมหาวิทยาลัยในอเมริกา เขาจึงควรเปลี่ยนเป็นนักกีฬาบาสที่ดีได้แน่ๆ เขาเสนอแนะให้ผู้ฝึกสอนระดับมหาวิทยาลัยในอเมริกาที่ชื่อ กาย ลูอิส ทดลองเอา ฮาคีม เข้าไปฝึกมอง ซึ่งกว่าทุกสิ่งจะเป็นตัวเป็นตนก็จะต้องคอยไปอีก 2 ปีที่ ฮาคีม อายุ 17 ปี และก็หลังจากนั้นหนุ่มน้อยจากร้านค้าซีเมนต์ก็ผ่านทวีปไปดินแดนที่ความฝัน
เครื่องโบอิ้งลงหยุดที่ท่าอากาศยานเมืองฮิวส์ตัน ชายหนุ่มวัย 17 ปีเดินลงมาจากเครื่องแล้วก็ทำอะไรผิด จะไปไหนดี? ผู้ใดกันจะมาลักขโมยของไหม? เขาจะไปสถานที่นัดแนะซึ่งเป็นต้นว่ามหาวิทยาลัยฮิวส์ตันได้เช่นไร? เขาไม่เคยรู้เลย นี่เป็นบททดลองแรกของชีวิตในเมืองใหญ่
"ไม่มีผู้ใดสักคนมารับผม ผมลนลานมากมาย โทรศัพท์หาผู้ที่นัดหมายผมเขาก็พูดว่า 'เออ! เอ็งขึ้นรถแท็กซี่มามหาวิทยาลัยเองได้เลย'" เขาเล่าถึงทีแรกในอเมริกา
รถแท็กซี่ขับเคลื่อนไปเรื่อยเขารู้สึกหนาวเพราะว่าไม่คุ้นกับอากาศอย่างงี้ แถมบรรยากาศก็วุ่นวาย เมื่อถึงที่หมายเขาโทรศัพท์หาผู้ฝึกสอนลูอิสผู้ที่ติดต่อเขาไว้อีกรอบ
"สวัสดีนะครับผู้ฝึกสอนลูอิส นี่ผมฮาคีม" เขาชูสายหาผู้ฝึกสอน คนๆเดียวที่เขารู้จักชื่อในมหาวิทยาลัยที่นี้ และก็เสียงที่ตอบมาเป็น "ฮาคีม? ฮาคีมไหนวะ?"
ฝ่าเลย ฮาคีม โอลาจูวอน
ฮาคีม คิดย้อนไปในขณะที่ คริสโตเฟอร์ ปอนด์ บอกกับเขา "แล้วนายจะหลงใหลฮิวส์ตัน" ซึ่งเขายังคิดภาพไม่ออกเลยว่าจะหลงเสน่ห์ได้ยังไง เพราะว่ามันตะปุ่มตะป่ำตั้งแต่เริ่มขนาดนี้
เพียงแค่เริ่มความสนุกสนานก็เกิดขึ้นแล้ว แต่ว่าใช่ว่ามันจะตะปุ่มตะป่ำไปเสียทุกเรื่อง สำหรับผู้ที่สูง 213 ซม.อย่างเขา อย่างแรกที่จำเป็นต้องทำ เป็นมองหารองเท้าเพื่อใส่ลงฝึกกับสมาชิกคนอื่นทีแรกๆเขารู้สึกว่าอาจต้องหารองเท้าเบอร์ที่เขาใส่ได้นานเป็นวัน แม้กระนั้นเอาเข้าจริงตรงนี้มีรองเท้าให้เลือกเยอะ เขาเริ่มจะชื่นชอบขึ้นมาบ้าง
"ที่ไนจีเรียเนี่ยกว่าผมจะหารองเท้าที่ผมใส่ได้นี่ผมแทบจะกลับประเทศหา เป็นผมไม่ต้องจำเบอร์รองเท้าเลย ผมเพียงแค่กล่าวว่าเอารองเท้าคู่ที่ใหญ่สุดในร้านค้ามาทดลองหน่อย อย่างงั้นจะง่ายยิ่งกว่า"
"ในความเป็นจริงแล้วผมสวมรองเท้าเบอร์ 16 แม้กระนั้นผมจะต้องทนสวมรองเท้าเบอร์ 15 มาตลอด ผมระเบิดไซส์จนกระทั่งพังทลายไปหลายคู่ แม้กระนั้นพอเพียงมาถึงตรงนี้ ผู้ฝึกสอนพูดว่า 'ถอดมันทิ้งซะ' แล้วเขาก็เอารองเท้าเบอร์ 16 มาให้ ต่อไปนี้สรวงสวรรค์เลยคุณเอ๊ย ผมอ้ำอึ้งเลย นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผมสวมรองเท้าบาสแล้วไม่รู้เรื่องสึกเจ็บเพราะว่ามันคับเกินความจำเป็น" ฮาคีม เล่าต่อ
ฮาคีม มีแทบทุกอย่างที่นักกีฬาบาสเกตบอลจะต้องมี เขามีร่างกายสูงใหญ่เป็นทุนเดิม แม้เพิ่มความแข็งแกร่งเข้าหน่อยการันตีว่าชนกับบุคคลอื่นสบาย นอกจากนั้นเขายังมีพรสวรรค์ด้วย เซ็นเตอร์อเมริกันแท้หลายๆคนเป็นพวกยักษ์ปักหลั่นเน้นย้ำกำลังวังชาไว้ชนไว้ชน แม้กระนั้นเขานั้นผิดแผก แม้ว่าจะสูงใหญ่แม้กระนั้น ฮาคีม พริ้วกว่าและก็มีความนิ่มนวลกว่าเยอะแยะ
อย่างไรก็แล้วแต่ 2 สิ่งนี้น้อยเกินไปที่จะทำให้เขาเก่งกว่าเด็กอเมริกันที่ฝึกหัดบาสตามหลักสูตรตั้งแต่ยังเด็ก ฮาคีม ก็เลยจะต้องเพียรพยายามให้มากยิ่งกว่าเด็กผู้อื่น2 เท่า เมื่อใดก็ตามลงกลุ่มเขาทำสุดกำลัง และก็ถ้าเกิดผู้ฝึกสอนสั่งให้เขาพัก เขาจะไม่ไปไหน เขาจะนั่งอยู่ข้างสนามแล้วดูคนอื่นๆเพื่อหาข้อมูลว่า "คนเก่งๆเขาเล่นกันอย่างไร"
"ผมฝึกหัดที่ ฟอนดี เซ็นเตอร์ พบกับพวกยอดความสามารถคนไม่ใช่น้อย ผู้เล่นบางบุคคลเล่นอาชีพทั้งๆที่ยังเรียนอยู่ พวกเขาอดทนรวมทั้งมีประสบการณ์ นั่นแหละที่ทำให้การได้เล่นรวมทั้งทำความเข้าใจกับพวกเขามันเกิดเรื่องที่ยิ่งใหญ่มากมาย ผมบอกตนเองเสมอว่า ราชาบาสมันมิได้เป็นกันกล้วยๆนะโว้ยไอ้กร๊วก" เขาเล่ากับ Houstonia
ถึงแม้ทำความเข้าใจจากผู้เล่นคนอื่นๆ ยอมรับฟังคำสั่งสอนจากผู้ฝึกสอนก็แล้ว พากเพียรก็แล้ว แม้กระนั้นก็เขาก็ยังตามหลังอยู่ 2-3 ช่วงตัว เขารู้สึกว่าตนเองควรจะมีผู้ที่ทำให้ทราบชัดๆว่าเขาขาดอะไร เพียงแค่มองดูน้อยเกินไป เขาจำต้องกล้าเข้าไปถามด้วยตัวเองเลยทุกๆอย่างก็เลยจะกระจ่างแจ้ง
วันหนึ่ง ฮาคีม นั่งมองการซ้อมของผู้เล่นกลุ่ม ฮิวส์ตัน ร็อคเก็ตส์ ที่เข้ามาฝึกซ้อมที่สนาม เขามองเห็นคนหนึ่งไวกว่าผู้ใดกัน แข็งกว่าคนใด แล้วก็เคล็ดลับดีมากกว่า สายตาของ ฮาคีม แวววาวกว่าคราวใด เขาตั้งมั่นว่าหลักจากกลุ่มชุดใหญ่ฝึกเสร็จ เขาจะเข้าไปพบคนๆนั้นแล้วก็ขอกันตรงๆว่า "ได้โปรดกรุณาสอนผมหน่อย"
เหตุนี้เกิดขึ้นในปี 1982 ฮาคีม อยู่ที่ ฮิวส์ตัน แล้วก็เล่นให้กับกลุ่มมหาวิทยาลัยมาแล้ว 1 ปี ขณะ "พี่เทวดา" ที่เขามองเห็นนั้นมีชื่อว่า โมเซส มาโลน ผู้เล่นที่เอารางวัล MVP มาแล้ว 2 ครั้ง
ผู้ฝึกสอน ลูอิส เรียก ฮาคีม ลงไปฝึกซ้อมกับกลุ่ม ร็อคเก็ตส์ เขาจะต้องพบกับ โมเซส มาโลน ผู้ที่เขาจับตามองมาตลอด สำหรับการฝึกตอนนั้น มาโลน บดขยี้ ฮาคีม อย่างราบรื่น ฮาคีม เกาะติดไม่อยู่ จะให้เลี้ยงผ่านก็ทำไม่ได้ โน่นเป็นจุดที่มองเห็นถึงความแตกต่างระหว่าง MVP กับ เด็กใหม่
ข้างหลังจบการซ้อม ฮาคีม เข้าไปยอมศิโรราบแล้วก็ทำในสิ่งที่ขวานผ่าซากที่สุด เป็นการถามคำถามว่าจะทำยังไงถ้าเกิดต้องการบดขยี้คู่ปรปักษ์อย่างที่ มาโลน ทำกับเขา
คำกล่าวสอนนี้ไม่มีในหลักสูตร มาโลน ตอบรับรวมทั้งเปลี่ยนเป็นคนดูแลให้กับ ฮาคีม สิ่งที่เขาสอนไม่ใช่วิธี ไม่ใช่การฝึกฝน แต่ว่ามันเป็นการใส่ร้ายป้ายสีคิดของการเป็นผู้ชนะให้ได้มากกว่าที่ ฮาคีม เป็นอยู่
"ไอ้น้อง ปราศจากความลับในกีฬาบาสเกตบอล มึงฟังนะมีอยู่ 3 ข้อง่ายๆแค่นั้น 1. ผู้ใดกันอยากได้ลูกมากยิ่งกว่ากัน 2. คนไหนต้องการทำสกอร์มากยิ่งกว่ากัน แล้วก็ 3. ผู้ใดหิวที่จะชนะการรีบาวด์มากยิ่งกว่ากัน ต่อไปนี้ถ้าเกิดมึงเข้าใจดีแล้วลงไปทำแบบที่เราบอกซะ"
"จดจำไว้ไอ้น้อง ไม่เกี่ยวเลยว่าเอ็งจะพึ่งจะลงเครื่องมาจากแอฟริกา เพราะว่าผู้ที่แกร่งที่สุดในสนามเป็นผู้ที่ไม่ยอมแพ้รวมทั้งอุตสาหะมากยิ่งกว่าบุคคลอื่นแค่นั้นล่ะ" นี่เป็นสิ่งที่ ฮาคีม เล่าให้กับเว็บของ NBA ฟัง
คำกล่าวสอนนี้เช่นเดียวกับที่บิดาของ ฮาคีม เคยบอกกับเขาก่อนมาอเมริกา อย่าเอาอย่างคนไหน แต่ว่าต้องเชื่อมั่นในตัวเองให้สูงที่สุดเข้าไว้
"บิดาสอนให้พวกเรา (ลูกๆ) ซี่อสัตย์ต่อตัวเอง ดำเนินงานให้หนักปานรากเลือด ให้ความนับถือแก่ผู้หลักผู้ใหญ่ แม้กระนั้นควรอย่าลืมเชื่อถือในความรู้ความเข้าใจของตนด้วย" คำกล่าวสอนของบิดาเขาตีความหมายได้ตรงกับที่ โมเซส มาโลน สอนในวันหลังไม่ผิดฟั่นเฟือน
ต่อไปทั้งสองแปลงเป็นเพื่อนสนิทต่างอายุ มาโลน เป็นพี่ใหญ่ที่มีผลกระทบต่อการเล่นของ ฮาคีม มากมาย ขณะที่สนิทกัน ฮาคีม ใช้เวลาเพียงแต่ 2 ปีก้าวเข้าระบบดราฟต์ไปสู่ NBA ในปี 1984 แล้วก็แน่ๆ ฮิวส์ตัน ร็อคเก็ตส์ เป็นกลุ่มที่จับตัวได้เขาไป แถมยังเป็นในฐานะ "ดราฟต์เบอร์ 1" เสียด้วย
แม้ว่าจะโชคร้ายที่ โมเซส มาโลน ย้ายไปอยู่ ฟิลาเดลเฟีย เซเว่นตี้สิกข์เซอร์ส ภายหลังที่ได้สอน ฮาคีม ไม่นาน แต่ว่าดูอีกมุม มันก็เป็นการให้โอกาสให้ ฮาคีม ขึ้นมาเปล่งแสงแบบสุดกำลังในปีแรกที่ NBA
สมัคร TS911 วันนี้รับเครดิตฟรีสูงสุด 1,500 บาท ฝาก-ถอน ไม่จำกัด ตลอด 24 ชั่วโมง