อิสราเอล อเดซานย่า เป็นนักสู้แชมป์ UFC รุ่นมิดเดิ้ลเวตในเวลานี้ เขาใช้ทักษะมวยไทยผสมผสานการศิลปะการต่อสู้แขนงอื่นๆ เป็นฐานแห่งความสำเร็จ
MMA เป็น ศิลป์การต่อสู้แบบผสม นี่เป็นเวทีที่เปิดกว้างเพื่อนักสู้แต่ละคนได้โชว์ศิลป์การต่อสู้ที่ตนเองถนัดเพื่อเอาชนะคู่แข่งขัน จะหมัด หัวเข่า ศอก หรือแม้กระทั้งจับกดจับทุ่มก็สามารถทำเป็นทั้งหมด โน่นก็เลยทำให้กีฬาต่อสู้จำพวกนี้เป็นกีฬาที่อันตรายที่สุดประเภทหนึ่ง
ด้วยความร้ายแรงรวมทั้งเอาจริงเอาจังสำหรับในการออกอาวุธแต่ละครั้ง อาจส่งผลให้นักกีฬาบางบุคคลเจ็บพักเป็นปีๆหรือบางรายเลิกเล่นไปเลยก็มี
อย่างไรก็ดีมี "GOAT" หรือที่มีความหมายว่า "ผู้มีอิทธิพลที่สุดชั่วกัลปวสาน" ของ MMA ซึ่งสามารถยืนระยะได้นับเป็นเวลาหลายปี ขึ้นชกมาแล้วหลายหนเอาชนะได้หลายแบบ คนๆนั้นเป็น แอนเดอร์สัน สิลวา คนที่เคยได้รับเชิดชูจาก UFC หรือ Ultimate Fighting Championship หน่วยงาน MMA เบอร์ 1 ของโลก ว่าเป็นเยี่ยมในนักสู้ที่ยอดเยี่ยมของ UFC เท่าที่เคยมีมาอย่างยิ่งจริงๆ
ตัวของ สิลวา นั้นเป็นนักสู้ที่ใช้ศิลป์มวยไทยรวมกับบราซิลคนยิวยิตสู ถ้าเกิดให้ยืนต่อยก็ไวแคล่วคล่องว่องไว หากให้นอนต่อยก็ทำเป็นไม่มีปัญหา ยิ่งกว่านั้นยังมีส่วนประกอบสำหรับเพื่อการยอดเยี่ยมนักสู้แบบครบเซ็ตทั้งยังถูกต้อง ร้ายแรง เฉลี่ยวฉลาด รวมทั้ง เร็วทันใจ จนถึงทำให้ในวันที่ สิลวา พีกที่สุดก็ยากที่คนไหนจะเอาเขาลงได้
สิลวา ไล่ปราบศาสตร์การต่อสู้อื่นๆมาเยอะมาก ไม่ว่าจะ แซมโบ้ มวยปล้ำ คาราเต้ ก็เสร็จมาแล้วทั้งหมด จนกว่าวันหนึ่งเขาได้พบนักสู้สายยืนเช่นกันและก็มีต้นทางจากศาสตร์ของมวยไทยเช่นกัน โน่นเป็น "อิสราเอล อเดซานย่า" นักสู้สายโลหิตไนจีเรีย-นิวซีแลนด์
ศึก UFC 234 คู่ระหว่าง สิลวา ปะทะกับ อเดซานย่า แปลงเป็นมวยคู่เอก มันเป็นราวกับศึกที่ส่งไม้ต่อความโหฬารจากรุ่นสู่รุ่น
แม้ว่าจะแกล้วกล้าเพียงใดแม้กระนั้นในไฟต์ดังที่กล่าวมาแล้วเมื่อกุมภาพันธ์ 2019 สิลวา ก็อายุ 44 ปีแล้ว เขาจำต้องสารภาพว่าสังขารนั้นมีผลกับการต่อสู้โดยตรง ในช่วงเวลาที่ อเดซานย่า อายุ 29 ปีและก็เป็นนักสู้คนใหม่ที่เข้ามาพบของแท้ในเวทีเบอร์ 1 อย่าง UFC เพียงแค่ 1 ปีเพียงแค่นั้น
อเดซานย่า เป็นมวยที่ประสมประสานแนวทางต่างๆเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์แบบ และก็แน่ๆว่า มวยไทย เป็นหนึ่งในอาวุธหลักของเขาด้วย การสู้ในไฟต์นั้น อเดซานย่า สามารถชนะได้โดยเอกฉันท์ เขาเหนือกว่าทุกๆอย่าง แล้วก็ประเด็นนี้ สิลวา เองก็เห็นด้วยแต่ว่าโดยดี
ภายหลังที่บาปยกมือของ อเดซานย่า เป็นผู้ชนะ นักสู้ทั้งคู่คนคุกหัวเข่าลงกับพื้นแล้วก็แสดงเครื่องหมายถึงการคารวะในความสามารถของกันและกัน ข้างของ สิลวา แยกย้ายไปให้สัมภาษณ์รวมทั้งกล่าวถึงความยอดเยี่ยมของ อเดซานย่า เขาเน้นว่านี่เป็นนักสู้ที่จะครอบครองความโหฬารในแวดวง MMA คนถัดไป
ภาษากายของนักสู้ถูกถ่ายทอดออกมาราวกับลูกศิษย์กับคุณครู แต่สำหรับ อิสราเอล อเดซานย่า คุณครูของเขาไม่ใช่ แอนเดอร์สัน สิลวา เขาพูดว่า โทนี่ จา หรือ จา พนม ดาราหนังแอ็คชั่นจากเมืองไทยต่างหากที่เขาเชื่อถือให้เป็นคุณครูอย่างแท้จริง ถึงแม้ในความเป็นจริงแล้ว จา พนม จะไม่เคยขึ้นสังเวียนหรือลงแข่งขันกีฬาต่อสู้อาชีพเลยแม้กระทั้งครั้งเดียวก็ตาม
อเดซานย่า เป็นชาว ไนจีเรีย แต่กำเนิด มีญาติ 5 คน แต่ครอบครัวของเขามิได้อดอยากอย่างกับนักสู้หรือนักกีฬาแอฟริกันคนอื่นครอบครัวอเดซานย่ามีฐานะดี บิดาของเขาเป็นนักธุรกิจ แม่ของเขาเป็นพยาบาล ชีวิตของเขามิได้ทุกข์ยากลำบากอะไรเลย อยากได้อะไรก็ได้ ต้องการรับประทานอะไรก็รับประทาน โน่นเป็นชีวิตที่แอฟริกันชนทุกคนใฝ่ฝัน
แต่มันน่าตลกดีที่มนุษย์เรานั้นไม่เคยพอเพียงต่อความจำเป็น คนยากจนก็ต้องการร่ำรวย ส่วนคนร่ำรวยอย่าง อิสราเอล กลับต้องการที่จะเป็นนักมวย ซึ่งเป็นกีฬาที่โดยมากแล้วเป็นช่องทางของผู้ที่ไม่ค่อยมีฐานะแล้วก็อยากสร้างชื่อจากการใช้ร่างกายรวมทั้งความเจ็บเข้าแลกเปลี่ยน
"ผมน่ะเคยฝึกหัด เทควันโด้ ตอนเด็กๆเช่นกัน แม้กระนั้นในที่สุดแม่ผมก็ให้ผมเลิกเรียน ผมเล่นอึดอัดและไม่มั่นใจในตัวเองเท่าไร"
"เป็นเอาจริงเอาจังๆในฐานะเด็กที่ไม่เคยได้รับการชมเชยเลย รวมทั้งทุกสิ่งทุกอย่างที่ต้องการจะทำก็จำเป็นต้องขอบิดามารดาก่อน มันอาจะเป็นด้วยเหตุว่าบ้านพวกเราไม่ต้องดิ้นรนอะไรด้วยล่ะมันถึงเป็นแบบงั้น ผมมีความรู้สึกว่าโน่นเป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ของผมรู้สึก"
อเดซานย่า เป็นเสมือนลูกที่ไม่เหมือนกับลูกผู้อื่นเพราะว่าลูกพี่ลูกน้องของเขาล้วนแล้วแต่มีอาชีพแล้วก็งานการที่ดีจากการตั้งมั่นเรียนหนังสือทั้งมวล แต่ว่าเขาไม่เลย ... เขาแอบสู้ แล้วก็หวังว่าวันใดวันหนึ่งจังหวะโบยบินของตนเองจะมาถึง
จนถึงปี 2001 ครอบครัวของเขาตกลงใจย้ายไปดำเนินการและก็ตั้งถิ่นฐานในต่างชาติ ด้วยเหตุว่าส่วนใดส่วนหนึ่งบิดาของเขาเชื่อถือในระดับการศึกษาว่าบ้านข้างหลังใหม่จะดีมากยิ่งกว่าที่ ไนจีเรีย แน่ๆ แต่เดิม สหรัฐฯ เป็นจุดมุ่งหมาย แต่ว่าเหตุก่อการร้าย 9/11 ทำให้ความนึกคิดของบิดาแปรไป
"สถานะการณ์วันที่ 11 ก.ย. 2001 เป็นเรื่องสำคัญของอเมริกา บิดาผมมั่นใจว่าอเมริกากำลังจะอยู่ในภาวะการเกิดสงครามต่อจากนั้น แล้วก็เขาคิดถูก"
ที่สุดแล้ว จุดหมายของครอบครัวอเดซานย่าแปรไป พวกเขาออกเสียงหลักแหล่งในประเทศนิวซีแลนด์ ถึงแม้จุดหมายปลายทางแปลงแต่ว่าเรื่องราวนั้นเป็นไปเหมือนอย่างที่คิด อเดซานย่า ถูกส่งไปเรียนหนังสือรวมทั้งเป็นเสมือนการบังคับให้ลืมความฝันการเป็นนักสู้แบบเปลี่ยนๆตราบจนกระทั่งวันหนึ่งในปี 2008 มีภาพยนตร์จากเมืองไทยเรื่องหนึ่งที่ชื่อว่า "องค์บาก" สร้างชื่อไปทั่วทั้งโลก แล้วก็ทุกสิ่งก็แปลง
ชีวิตดารานำชาย อิสราเอล อเดซานย่า
ส่วนหนึ่งส่วนใดที่ทำให้ อเดซานย่า อินมากมายๆก็คือขณะนั้นที่ นิวซีแลนด์ เขาคิดว่าการที่ตนเองเป็นชาวแอฟริกันมันทำให้เขาถูกคิดว่าเป็น "สิ่งเจือปน" เขาก็เลยฝังใจรวมทั้งอยากได้ทำอะไรให้สมกับที่บุคคลอื่นดู โน่นเป็นขอทำอะไรที่ต่างกันกับเด็กผู้อื่นไปซะเลย
เขาราว ทิ้ง ประดู่พริ้ว ผู้แสดงนำชายของเรื่องที่มาจากชนบท จะใช้คำว่า "ชนบท" เพื่อทำให้มองเห็นภาพก็อาจไม่ผิดนัก ซึ่งจะต้องเข้าไปในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพมหานคร ทุกคนดูเขาเป็นของแปลก เยาะเย้ย แล้วก็พร้อมจะรังควาน แม้กระนั้นท้ายที่สุดอะไรล่ะที่ทำให้ ทิ้ง ประดู่พริ้ว ไม่เคยเสียท่า แน่ๆมันเป็นศิลป์การต่อสู้ ซึ่งตัวของ อเดซานย่า เองก็เช่นเดียวกัน
"ผมจะต้องศึกษาการต่อสู้ด้วยเหตุว่า เด็กตรงนั้นไม่ค่อยถูกใจหน้าผมนัก" อเดซานย่า เล่าย้อนความ "ผมอยู่ไนจีเรีย จิตใจผมสงบ สบายมีความเชื่อมั่นมากมาย ทุกคนต่างมีสุนทรีย์ในชีวิต"
"หากว่าตัวของผมนั้นไม่ได้อยากต้องการจะสู้กับใครกันแน่ แต่ว่าเมื่อมีคนบากบั่นที่จะทำร้ายผม ผมต้องทำให้เหตุการณ์ที่ผิดแผกแตกต่าง อย่าให้ฉันเป็นนักสู้นะโว้ย ประเดี๋ยวพวกมึงโดนแน่"
ขณะที่ ทิ้ง ประดู่พริ้ว ใช้การต่อสู้แบบหลีกเลี่ยงมิได้ หากแม้ไม่ได้อยากต้องการจะปะทะก็จำเป็นต้องทำ ด้วยเหตุว่าการติดตาม "องค์บาก" หรือเศียรพุทธรูปพระจำหมู่บ้าน อิสราเอล อเดซานย่า ก็คล้ายกัน เขาไม่ได้อยากต้องการจะรังแกคนไหนกัน หรือเป็นกบฎสังคมมากนัก เพียงแต่ว่าเหตุการณ์และก็เรื่องความไม่เหมือนของสีผิวที่พบ มันบังคับให้เขาจะต้องสู้
"ที่นิวซีแลนด์ ผมเป็นพวกต้านทานนะ ถ้าเกิดเด็กคนอื่นทำอะไรผมจะสั่นศีรษะรวมทั้งพูดว่า "ไม่เอา" ผมจำเป็นต้องผิดแผก ใครกันแน่จะมองดูอย่างไรผมไม่สนใจหรอก โน่นทำให้ผมได้เริ่มติดตามการต่อสู้มากยิ่งกว่าเรื่องเรียน รวมทั้งมันทำให้ผมเจอผู้ฝึกสอนคนแรก"
ยูจีน กางร์แมน เป็นผู้ฝึกสอนต่อสู้คนแรกของ อเดซานย่า และก็มันช่างบังเอิญที่ ยูจีน เป็นนักสู้ในศาสตร์ของ "คิกบ็อกซิ่ง" ที่มีความเหมือนกับมวยไทยมากมาย มันต้องใจ อเดซานย่า เนื่องจากว่ามากมายท่าทีลีลาท่าทางทั้งยังการเตะสูงเตะต่ำหรือกระโจนเตะมันเป็นอะไรที่อย่างกับที่ โทนี่ จา ไอดอลของเขาทำในหนังเรื่ององค์บากไม่มีไม่ถูก
มวยไทยเป็นจุดเริ่มของ อเดซานย่า เขาปรับปรุงมากยิ่งกว่าเดิมด้วยการเข้าโรงยิมของ เดเร็ก โบรห์ตัน เพื่อหวังว่าจะใช้ความถนัดมวยไทยพาตนเองเข้าไปสู่การต่อสู้แบบมวยกรงให้ได้ แม้ว่าจะโดนห้ามจากโค้ชแม้กระนั้นเขาก็ไม่สนใจ อย่างกับดารานำชายเรื่ององค์บากไม่มีไม่ถูก ที่ใช้ความถนัดการต่อสู้แบบมวยไทยปราบศัตรูทั้งหลายแหล่ตลอดทั้งเรื่อง
อิทธิพลของ โทนี่ จา ที่มีต่อ อเดซานย่า เป็นการสู้ที่พลิ้วไหวราวการเต้น ลักษณะเด่นของความพลิ้วไหวเป็นการกะจังหวะให้พอดีเพอร์เฟ็กต์แล้วก็ลงเอยด้วยการซัดให้ตรงเป้า ยิ่งไปกว่านี้ยังคงใช้การหลบหลีกมากยิ่งกว่าการเข้าปะทะโดยตรงด้วย
"ไม่ยาโมโต้ มุซาชิ (ซามูไรในตำนานของประเทศญี่ปุ่น) เคยกล่าวไว้ว่า อย่าเปิดโอกาสให้กับนักกระบี่ผู้ใดกันแน่ๆควรใช้ความนิ่งเข้าสู้รวมทั้งอย่า 'เต้น' เพราะว่ามันจะมีผลให้คุณไม่สงบและก็พลั้งพลาดในในที่สุด แม้กระนั้นผมทำเป็น ผมว่าผมสามารถเต้นระหว่างสู้ได้ด้วยพลังที่ฟุตเวิร์ก"
สไตล์ของเขามิได้อย่างกับนักสู้โดยธรรมชาติ คนอื่นบางทีก็อาจจะหมกมุ่นเรื่องเคล็ดลับและก็พลังการทำลายของการจู่โจมเป็นหลัก แต่ว่าสำหรับ อเดซานย่า เขาเชื่อถือในทีท่าสำหรับการต่อย ราวกับการออกแบบท่าต่อสู้ในหนังสักเรื่องหนึ่ง ที่นอกเหนือจากที่จะใช้งานได้จริงแล้วจะต้องงามแล้วก็สง่างามด้วย
"ผมเป็นเสมือนนกยูงรำแพน ผมมีความมั่นใจและความเชื่อมั่นมากมายในสไตล์ ผมไม่กลัวที่จะทำให้เห็นว่าผมเป็นผู้ใด เมื่อเป็นแบบนั้นแล้วผมรู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่สุดยอดที่สุด" อเดซานย่า เชื่อในกฎของหนังแอ็คชั่น รวมทั้งโน่นทำให้เขาเรียนรู้จากทั้งยัง บรูซ ลี, เฉิน หลง และก็ โทนี่ จา เพื่อเอาวิชาของแต่ละคนมารวมกันรวมทั้งใช้เพื่อสำหรับการต่อสู้จริงให้ได้
สมัคร TSOK วันนี้รับเครดิตฟรีสูงสุด 1,500 บาท ฝาก-ถอน ไม่จำกัด ตลอด 24 ชั่วโมง สมัครคลิก