ศึกบอล โตโยต้า ไทยลีกฤดู 2019 ได้ทำให้ผลสรุปของบอลไทย เปลี่ยนไป พวกเขาพลิกกลับมาคว้าชัยชนะ โตโยต้า ไทยลีก ได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สมาคม ในเวลาที่เหลืออีกไม่เพียงแต่กี่นาทีก่อนฤดูจะสิ้นสุดลง มันคงจะไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ แม้ สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด จะครองแชมป์ไทยลีกได้ เมื่อราวๆ 1-2 ปีกลาย เนื่องจากขณะนั้นพวกเขามีความพร้อมเพรียงสุดๆอีกทั้งขุมกำลังผู้เล่นระดับบิ๊กเนม ภายใต้การควบคุมกองทัพของผู้จัดการทีมฟุตบอลผู้โด่งดัง รวมทั้งงบประมาณกระบวนการทำกลุ่มที่ทุ่มกันหมดตัว
แม้กระนั้นฤดูกาลนี้ กว่างโซ้งมหาภัย ทำสำเร็จ ในปีที่พวกเขาประสบพบปัญหาล้นหลามอีกทั้งในรวมทั้งนอกสนาม, ปีที่ลดขนาดกลุ่ม, ตัดงบประมาณแนวทางการทำกลุ่ม, ใช้งานผู้เล่นทรัพยากรที่มีอย่างจำกัดจำเขี่ย หลายท่านถูกโละมาจากกลุ่มเก่า บางบุคคลถูกดันขึ้นมาจากกลุ่มเยาวชน รวมทั้งนักฟุตบอลต่างประเทศเกรดรอง
การครอบครองแชมป์คราวนี้ ก็เลยมีความพิเศษ รวมทั้งสามารถกล่าวได้เลยว่าเป็น แชมป์ไทยลีกที่น่าจำมากมายสุดกลุ่มหนึ่ง ในประวัติศาสตร์บอล โตโยต้า ไทยลีก
ด้วยเหตุว่าประวัติศาสตร์หน้านี้ ถูกบันทึกขึ้น ในสมัยที่เกมลูกหนังบ้านพวกเราชิงชัยด้วยระบบทุนนิยมอย่างสุดกำลัง แต่ว่าจังหวัดเชียงรายกลับพิสูจน์บางสิ่งให้เกิดขึ้นจริงได้?
สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ชมรมบอลจากภาคเหนือกลุ่มแรกในประวัติศาสตร์ โตโยต้า ไทยลีก ก้าวย่างไปสู่ปีที่ 10 ของการจัดตั้ง
คนไม่ใช่น้อยบางทีก็อาจจะจำ "จังหวัดเชียงราย" เจริญ ในฐานะสมาคมทุนครึ้ม ที่มีความทะยานอยาก ต้องการขยับเขยื้อนตัวเองจากกลุ่มกึ่งกลางตาราง ขึ้นมาเป็นอีกหนึ่งยักษ์ใหญ่บอลไทย พวกเขาบรรลุผลสำเร็จในระดับหนึ่งที่ถูกใจ เมื่อปัดกวาดแชมป์บอลถ้วยทุกรายการในประเทศ ได้ตลอดตอนปี 2017-2018 แต่ว่าโน่นเป็นเพียงแต่เรื่องราวในสมัยก่อน ฤดู 2019 เป็นปีที่พวกเขาจะต้องพบกับการเปลี่ยนแปลงมาก อีกทั้งในรวมทั้งนอกสนาม
ไล่มาตั้งแต่ระดับผู้บริหาร "ไม่ตตำหนิ ว่ากล่าวยะไพรัช" ประธานชมรมตกลงใจล่ำลาตำแหน่งกับสมาพันธ์ที่เขาทำขึ้นมาเองกับมือ ตั้งแต่ส่งกลุ่มร่วมการแข่งขันชิงชัย ดิวิชั่น 2 เมื่อปี 2009 โดยมอบส่งตำแหน่งนายใหญ่ให้ "ปวิศรัฐฐ์ ตำหนิยะไพรัช" น้องสาวเข้ามาดูแลกลุ่มแทน ส่วนตัวเองถอยไปเป็น ที่ปรึกษาสมาพันธ์
เวลาเดียวกัน กว่างโซ้คลำหาภัย จำต้องมาแยกทางกับ อเล็กซานเดร กาม เฮดผู้ฝึกสอนที่ดีสุดตั้งแต่แมื่อสมาคมเคยมีมา
ผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยคงจะเคยคิด ถ้าเกิดจังหวัดเชียงรายจะไปถึงแชมป์ไทยลีก? ราคะ คงจะเป็นผู้ที่ใช่สุด สำหรับวัตถุประสงค์นี้ แต่ว่าเมื่อเทรนเนอร์ชาวบราซิล ได้รับข้อแนะนำที่ยากจะไม่ยอมรับ สำหรับการเข้าไปคุมกลุ่มชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี สมาพันธ์ก็ยอมปล่อยเนื้อปล่อยตัว ราคะ ออกไป โดยผู้ที่เข้ามาแทนเป็น โจเซ อัลเวส บอร์จีส ที่ปรึกษามากมายประสบการณ์ที่เคยทำทีม บุคลากรยาสูบ เป็นแชมป์ไทยลีกมาแล้วเมื่อปี 2005
แต่ทว่า 24 ชั่วโมงก่อนเกมนัดหมายเพลย์ออฟ "เอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก" นัดพบ ปิ้งกุ้ง ยูไนเต็ด ... "บอร์จีส" ถูกให้ออกจากตำแหน่ง จังหวัดเชียงราย ตกลงใจดันผู้ช่วยผู้ฝึกสอนอย่าง ไอล์ตัน ดอส ซานโตส สิลวา ขึ้นมาปฏิบัติหน้าที่ เฮดผู้ฝึกสอนถาวร ท่ามกลางขุมกำลังที่ไม่อย่างเดิม
จังหวัดเชียงราย ในวันนั้น เป็นชมรมที่ลดขนาดกลุ่มลงมา ตัดงบประมาณ แล้วก็เพดานค่าจ้าง พวกเขาปล่อยเนื้อปล่อยตัว 2 ผู้เล่นคนสำคัญ ฉัตรชัย ลูกประพรม ผู้เฝ้าประตูมือชั้นยอด รวมทั้ง วิกเตอร์ คาร์โดโซ กองหลังกัปตันกลุ่ม ในตลาดค้าขายก่อนเปิดฤดู
ภายหลังก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาเคยปลดปล่อย ธนบูรณ์ เกษารัตน์, ความมีชีวิตอยู่พันธ์ พ่วงจันทร์, ทศวรรษ ลิ้มชนชั้นเสถียร, มงคล ทศไกร, บดินทร์ เขาหินลา, วานเดอร์ หฝ่าส์ และก็ เอเวอร์ตัน ออกมาจากกลุ่ม
ผู้เล่นใหม่ที่เสริมเข้ามาก็เป็นผู้เล่นเกรดรอง ที่ชื่อชั้นมิได้ดีมากยิ่งกว่าไปกว่าคนเก่า อย่าง พีรพงศ์ พิชิตโชติรัตน์ ที่มิได้รับการต่อสัญญาจาก บีจี ปทุม ยูไนเต็ด, บรินเนอร์ เอนริเก้ จาก อุบล ยูเอ็มที ยูไนเต็ด, เดชา สอาดโฉม จาก พีที ประจวบ เอฟซี, สมคิด ชำนาญศิลป์ จาก เชียงใหม่ เอฟซี และ กฤษณ เกษมกุลวิไล จาก สมุทรสาคร เอฟซี
กว่างโซ้งมหาภัย ออกตัว 5 เกมแรกในลีก ชนะไปเพียงแต่เกมเดียวเพียงแค่นั้น ที่เหลือได้ผลสำเร็จเสมอ 3 แพ้ 1 เก็บได้เพียงแค่ 6 คะแนน ซึ่งคนใดกันแน่จะไปมั่นใจว่าเมื่อหมดนัดหมายที่ 30 ของฤดู จังหวัดเชียงราย กลุ่มเดียวกันนี้ จะขึ้นไปยืนอยู่ในตำแหน่งชั้น 1 ของตาราง
สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด อาจมีเกียรติเป็น "ทริปเปิลแชมป์" บอลถ้วย 3 รายการเมื่อฤดูก่อน แล้วก็ทำผลงานในตอนปรีฤดูกาลได้ดิบได้ดี ด้วยการซิวแชมป์ ลีโอ คัพ 2019 แต่ว่าจำเป็นต้องสารภาพตามความเป็นจริงว่า อาจไม่มีผู้ใดคิดเช่นเดียวกันว่า พวกเขาดีพอเพียงยืนระยะไปถึงตำแหน่งแชมป์ไทยลีก
สายตาของคนเรารวมทั้งสื่อมวลชน ดูไปที่ 3 ตัวเก็งอย่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แชมป์เก่า, การท่าเรือ เอฟซี รวมทั้ง ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด สองกลุ่มที่ลงทุนเสริมผู้เล่นระดับซูเปอร์สตาร์กันอย่างจัดเต็ม ส่วนสมาคมอย่าง เอสซีจี เมืองทองคำ ยูไนเต็ด กับ สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ถูกจัดเป็นจำพวกกลุ่มแทรกสอดแค่นั้น เพราะการเปลี่ยนแปลงมากไม่น้อยเลยทีเดียวข้างในสองสมาพันธ์ น่าจะเป็นข้อเสียเปรียบสำหรับความสม่ำเสมอในระยะยาว
จะว่าไปมันบางทีอาจเป็นจุดเด่นด้วย ที่พวกเขาผิดเฝ้ามอง ภายหลังจากฤดู 2017 จังหวัดเชียงราย เคยถูกชูให้เป็นเต็ง 1 แชมป์ไทยลีก แม้กระนั้นก็พลาดเป้าไป เหมือนกันกับในปี 2018 กลุ่มจากดินแดนล้านนา ยังถูกจัดอยู่ในข่ายกลุ่มลุ้นแชมป์อย่างสุดกำลัง และไปไม่ถึงดวงดาวอีกรอบ
เพียงพอมาไปสู่ฤดู 2019 จังหวัดเชียงราย โดนจับตามองน้อยกว่าเดิม และก็ทำให้พวกเขาไม่ต้องรับแรงกดดัน หรือจำเป็นต้องมาตอบปัญหาเดิมๆดังเช่นว่า 2 ปีให้หลังว่า "คิดยังไง? ที่ถูกชูให้เป็นเต็งแชมป์"
จังหวัดเชียงราย เล่นได้เชื่อมั่นในตัวเองเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ปราศจากความบีบคั้นมากจนเกินความจำเป็น เบาๆรักษามาตรฐาน ความสม่ำเสมอ ประกอบกับได้แฟนบอลที่เชื่อถือในความเป็นเขตแดนนิยม ยังคงเข้ามาช่วยเหลือกลุ่ม หากแม้ในวันที่มิได้มีซูเปอร์สตาร์ ทั้งสิ้นรวมร่างประกอบกัน ทำให้ผลงานกลุ่มดีวันดีคืน
สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ม้านอกสายตา
จนกระทั่งสายตาของมนุษย์แล้วก็สื่อมวลชน เริ่มหันกลับมาพอใจ กว่างโซ้คลำหาภัย อีกรอบ ในฐานะกลุ่มที่วนเวียนอยู่ในกรุ๊ปลุ้นแชมป์
กว่างโซ้คลำหาภัย เคยขึ้นไปอยู่บนบัลลังก์ผู้นำฝูงถึง 2 ครั้งในช่วงฤดูกาลนี้ แต่ทว่ามันมิได้เป็นตอนๆในเวลาที่ยืดยาวนักในแต่ละครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงท้ายฤดู จังหวัดเชียงราย เคยทิ้งห่างจังหวัดบุรีรัมย์ 2 คะแนน ขณะเหลือเกมการประลองอีก 5 นัดหมาย
แม้กระนั้นพวกเขาก็มาสะดุดขาตนเอง บุกไปเสมอกับ กางงค็อก ยูไนเต็ด 1-1 รวมทั้งเสมอกับ พีทีหน จังหวัดระยอง ด้วยสกอร์เดียวกัน สวนกับ วังสายฟ้า ชนะรวดทั้งคู่เกม กลับเหตุการณ์กลับมานำ จังหวัดเชียงราย 2 คะแนน ในระหว่างที่โปรแกรมเหลืออีก 3 นัดหมายเพียงแค่นั้น แล้วก็จังหวัดเชียงราย ร่วงไปอยู่ชั้น 3 ของตาราง
ถึงในช่วงเวลานั้น จังหวัดบุรีรัมย์ จับการได้เปรียบทุกสิ่งแล้วก็ถือแชมป์อยู่ในมือ พวกเขาได้โอกาสสูงที่จะได้แชมป์ลีกยุคที่ 7 และก็คนใดกันแน่ก็รู้สึกว่าสำหรับ จังหวัดเชียงราย เกมเกือบจะโอเวอร์ไปแล้ว พวกเขาไม่เคยมีประสบการณ์สำหรับในการเป็นแชมป์ลีก ผู้เล่นใครหลายๆคนไม่เคยสัมผัสถ้วยนี้มาก่อน แถมแต้มยังตามหลังตั้ง 2 คะแนน
เพียงพอเป็นข้างตามไม่ต้องหามแรงกดดัน จังหวัดเชียงราย กลับเล่นได้อย่างเป็นธรรมชาติ ปฏิบัติหน้าที่ของตนก้าวหน้า เก็บชัยได้ในอีก 2 เกมถัดมา เหมือนกับ จังหวัดบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทำให้ระยะห่างของคะแนนยังอยู่เหมือนเดิม
ในเกมนัดหมายท้ายที่สุด จังหวัดเชียงราย มีบทบาทเพียงแค่ลงไปเล่นให้เหมาะสมที่สุด สำหรับเพื่อการออกไปเยี่ยม จังหวัดสุพรรณบุรี เอฟซี ที่อยากได้คะแนนหนีตกชั้น ด้วยเหตุว่าโมเมนตั้มอยู่ทางฝั่ง จังหวัดบุรีรัมย์ โดยหวังแค่เพียงว่า ผลของการแข่งขันอีกสนาม ระหว่าง จังหวัดเชียงใหม่ เอฟซี ที่ตกชั้นไปแล้วพบกับ จังหวัดบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จะเปิดโอกาส
และก็ทุกๆอย่างก็เปิดโอกาสจริงๆจังหวัดเชียงราย บุกไปชนะ จังหวัดสุพรรณบุรี เอฟซี กินขาด 5-2 ส่วน จังหวัดบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่มีคะแนนนนำ กว่างโซ้ง 2 แต้มก่อนเกมนัดหมายในที่สุด ถูกเจ้าถิ่น จังหวัดเชียงใหม่ เอฟซี ตีเสมอ 1-1 ในนาทีที่ 88 และก็จบเกมด้วยสกอร์นี้
58 คะแนน เป็นแต้มที่ จังหวัดเชียงราย รวมทั้ง จังหวัดบุรีรัมย์ ทำเป็นเสมอกัน เมื่อจบฤดู 2019 แต่ว่าเมื่อเปรียบเทียบผล เฮดทูเฮด ปรากฏว่า จังหวัดเชียงราย ดีมากกว่า ด้วยเหตุว่าชนะเกมเหย้า 4-0 เสมอเกมเยี่ยม 0-0 ผงาดครอบครองแชมป์ไทยลีก ยุคแรกของชมรมไปครอบครอง อย่างเหนือความหวัง
การที่ จังหวัดเชียงราย เป็นกลุ่มที่มีเฮดทูเฮด ดีเยี่ยมที่สุดในบรรดา 3 กลุ่มลุ้นแชมป์ (จังหวัดเชียงรายมีเฮดทูเฮดเหนือ การท่าเรือ ที่มีลุ้นแชมป์ถึงนัดหมายรองท้ายที่สุดด้วยเช่นเดียวกัน) เป็นสิ่งหนึ่งที่ชี้ได้ว่า กว่างโซ้คลำหาภัย ที่อยู่นอกสายตาของคนอีกจำนวนไม่น้อย ให้ความเอาใจใส่กับการพบกลุ่มระดับลุ้นแชมป์เยอะแค่ไหน?
เนื่องจากท้ายที่สุดตัวแปรสำคัญที่พาพวกเขาบรรลุผลสำเร็จไปถึงแชมป์ ก็คือ ผลเฮดทูเฮดที่มาจากความมุ่งมั่นตั้งใจสำหรับเพื่อการเล่นให้เหมาะสมที่สุดแบบนัดหมายต่อนัดหมาย มากยิ่งกว่ามานั่งแบกรับแรงกดดันกับคำว่า
แม้ไล่เรียงดูก่อนยชื่อนักเตะสมาคม ราชสีห์ จังหวัดเชียงราย ยูไนเต็ด ในตอน 3 ฤดูหลังสุด คงจะจำต้องเขียนกันตามจริงว่า ชื่อของ บรรดานักฟุตบอลในช่วงฤดูกาล 2019 ด้อยกว่าขุมกำลังชุดปี 2018 รวมทั้ง 2017
แต่ว่าประเด็นสำคัญที่ทำให้ จังหวัดเชียงราย เวอร์ชั่นที่ลดขนาดกลุ่ม แล้วก็ตัดงบประมาณ ก้าวมาถึงตำแหน่งแชมป์ไทยลีก โน่นเป็นเพราะเหตุว่าชมรมที่นี้ขับเคลื่อนด้วยระบบบอล มากยิ่งกว่าเน้นย้ำที่ตัวบุคคล
ในวันที่พวกเขาใช้เงินเติบปัดกวาดผู้เล่นบิ๊กเนมเข้ามาเสริมกองทัพ หลายๆคน บางทีอาจยังไม่เห็นถึงสิ่งที่ จังหวัดเชียงราย กำลังก่อร่างสร้างกลุ่ม ตัวอย่างเช่น อค้างเดมีสมาคม, การดึงหน้าแข้งดาวรุ่งจากสมาคมอื่น รวมทั้งการไปสเกาท์ผู้เล่นโนเนมที่กับระบบการเล่นของสมาพันธ์ มาร่วมทีม
จังหวัดเชียงราย เปลี่ยนนักฟุตบอลก็จริง เสียผู้เล่นหลักไปคนไม่ใช่น้อย แต่ว่าถ้าพิจารณาให้ดี แบบการเล่น ส่วนประกอบกลุ่มยังคงดังเดิม กว่างโซ้คลำหาภัย ยังคงเล่นบอลขอบเส้นได้น่าสยดสยอง มีจังหวะสวนกลับที่รวดเร็วทันใจ ผู้เล่นดินแดนบน ใช้ความรู้เฉพาะบุคคลสร้างความไม่เหมือนให้เกม รวมทั้งมีแท็คติกการเข้าทำที่เด็ดขาด ส่วนแนวรับแล้วก็ดินแดนกึ่งกลาง วิ่งบีบบีบคั้นคู่ปรับ เคลื่อนกันตลอดระยะเวลา
ยกตัวอย่าง ในวันที่ การเป็นไปพันธ์ แล้วก็ ธนบูรณ์ ย้ายออกไป พวกเขาก็ยังมีผู้เล่นอย่าง พิธิวัตต์ ที่ก้าวมาชดเชย, การจากไปของ ฉัตรชัย ก็มีผู้เฝ้าประตูชายหนุ่มอย่าง อภิรักษ์ ที่ยกฐานะตนเองมาสืบต่อหน้าที่อย่างไร้ที่ว่ากล่าว หรือผู้เล่นอย่าง เอกนิษฐ์ สติปัญญา ขณะนี้เขาสามารถสร้างความต่างให้กลุ่ม ไม่แตกต่างเหล่าลำแข้งฝรั่งที่เคยอยู่กับกลุ่มด้วย
การบรรลุผลของ จังหวัดเชียงราย ก็เลยมีพื้นฐานสำคัญมาจากความยึดมั่นในระบบ และก็ส่วนประกอบ มากยิ่งกว่าตัวบุคคล สิ่งที่พวกเขาเบาๆเพิ่มเติมขึ้นในแต่ละปี จนถึงมาเริ่มลงล็อกพอดีในปีนี้ ผู้เล่นไทยยังบลัด เติบโตขึ้น ชมรมก็โตขึ้นตาม ผู้เล่นฝรั่งที่ฐานค่าจ้างรายเดือนไม่สูงนัก สามารถเล่นได้รองรับในสิ่งที่ต้องการของกลุ่ม แล้วก็ช่วยลดรายการจ่ายไปๆมาๆก
สมัคร TS911 วันนี้รับเครดิตฟรีสูงสุด 1,500 บาท ฝาก-ถอน ไม่จำกัด ตลอด 24 ชั่วโมง
แหลงข้อมูล