ยิมคานา : สปอร์ตคลับ 121 ปี

06/11/2019 Admin Official

ที่ที่นี้มีชื่อว่าสมาคม ยิมคานา จังหวัดเชียงใหม่ (The Chiengmai Gymkhana Club) จัดตั้งขึ้นในปี ค.ศ.1898 ตั้งแต่ประเทศของพวกเรายังเรียกตัวเองว่า “ประเทศไทย” หรือก่อนที่จะโลกใบนี้จะรู้จัก สงครามโลกครั้งที่ 1 ถึงแม้ว่าตอนนี้กิตติศัพท์ของ สปอร์ตคลับที่แรกในไทย จะมิได้มีชื่อเสียงในวงกว้างราวกับ “ราชกรีฑาชมรม” ที่เกิดวันหลัง (คริสต์ศักราช 1901) แต่ว่า สมาพันธ์ยิมคานา ยังคงเป็นสถานที่มีคุณค่าเป็นอย่างมากในด้านประวัติศาสตร์ของแวดวงกีฬาไทย

ยิมคานา

ก่อนที่จะเขียนถึงต้นกำเนิดชมรมยิมคานา อาจจำเป็นต้องย้อนอดีตไปถึงสภาพสังคม และก็บริบทของช่วงนั้น เพื่อคนอ่านเห็นภาพเยอะขึ้นเรื่อยๆ นครจังหวัดเชียงใหม่ แต่ก่อนมิได้เป็นส่วนหนึ่งส่วนใดของ ไทย มีสถานะเป็นเมืองขึ้นอยู่ในดินแดนล้านนา ปกครองแผ่นดินโดยพระราชา (แต่ว่าจะต้องส่งของถวายให้ไทยทุกๆ3 ปี)

ภาวะภูมิศาสตร์อุดมไปด้วยธรรมชาติ ป่าดง แนวเขา ทำให้มีอาการชาติเตียนผู้ตามล่าอาณานิคมอย่าง อังกฤษ แล้วก็ประเทศฝรั่งเศส ก็เลยเริ่มเข้ามาขยายอิทธิพลในนครจังหวัดเชียงใหม่ โดยเริ่มจากวิธีการทำสัมปทานป่าดง ด้วยเหตุว่าไม้สักจากเมืองจังหวัดเชียงใหม่เป็นสินค้าส่งออกที่สร้างรายได้มากมาย

อิทธิพลและก็การเข้ามามีหน้าที่ของฝรั่ง ทำให้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้ทรงมีนโยบาย แก้ไขบริเวณนครจังหวัดเชียงใหม่ ในปี ค.ศ.1884 เพื่อคุ้มครองการรุกราน จากการล่าอาณานิคมของอังกฤษ ที่เริ่มขยายอิทธิพลเข้ามาถึงดินแดนล้านนา

ในปี 1898 นครจังหวัดเชียงใหม่ เปลี่ยนเป็นฐานปฏิบัติการสำคัญ สำหรับคนต่างชาติที่เข้ามาทำธุรกิจเกี่ยวกับกิจการค้าไม้ รวมทั้งเมื่อชาวต่างประเทศรวมตัวกัน แนวความคิดสำหรับในการตั้ง สปอร์ตคลับที่แรกในไทยก็เกิดขึ้น โดยคณะบุคคล 14 ท่าน (ชาวต่างประเทศ 13 คน, คนไทย 1 คน)

ซึ่งส่วนมากมีบทบาทงานการเกี่ยวโยงกับ กระบวนการทำสัมปทานป่าดง รวมทั้งเล็กน้อยเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ อาทิเช่น กงสุล, ผู้ดูแลป่า, บริวาร ฯลฯ โดยภาควิชาผู้จัดตั้ง ได้มองหาที่ดินที่สมควรสำหรับสร้างสมาคมกีฬา ก่อนด้วยกันลงขันซื้อที่ดินรอบๆ “บ้านเรือนก๋าย” ที่ตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันออกของแม่น้ำปิง จุดศูนย์กลางเมืองจังหวัดเชียงใหม่ ด้วยเงินปริมาณ 2,500 รูปี (ยุคนั้นจังหวัดเชียงใหม่ใช้สกุลเงินรูปี)

ในห้องประชุม วันที่ 19 ส.ค. 1898 แผนกผู้จัดตั้ง ได้มีการร่างกฎรวมทั้งข้อกำหนด กับตั้งชื่อชมรมว่า “สมาคมยิมคานา” ที่เป็นคำที่บ้ามาจาก Gend-Khana (Ball House) ซึ่งเป็นคำภาษาฮินดูตามเดิม โดยขณะนั้น ชื่อนี้ได้รับความนิยมใช้กัน สำหรับชมรมกีฬาที่สหราชอาณาจักร ที่แผ่กระจายไปทั่วทวีปเอเชีย

ภายใต้เป้าหมายที่อยากเกื้อหนุนกิจการค้าด้านกีฬาในพื้นที่ภาคเหนือ รวมทั้งเป็นสถานที่พบปะสนทนาพบปะของเหล่าสมาชิกรวมทั้งครอบครัวสมาชิก

ผู้จัดตั้งอีกทั้ง 14 ราย ไม่นับว่า ยิมคานา เป็นทรัพย์สินของตน ด้วยเหตุว่าได้มีการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้อยู่ภายใต้อำนาจบังคับดูแลของ คณะกรรมการบริหารสมาพันธ์ ที่มาจากการเลือกตั้งของสมาชิกสามัญ ในห้องประชุมใหญ่สามัญรายปี (ใช้แนวทางการโหวตลับ)

ซึ่งในกฎข้อบังคับชมรมยิมคานา ได้มีการบอกว่า สมาชิกสามัญนับว่าเป็นผู้ครอบครองชมรม รวมทั้งยึดมั่นเจ้าของนี้เพื่อประโยชน์ของสมาชิกในขณะนี้รวมทั้งในอนาคต ด้วยเหตุนั้นที่ดินและก็สิ่งก่อสร้างของสมาพันธ์ ไม่ว่าส่วนใดส่วนหนึ่งจะนำออกไปให้เช่าหรือขายไม่ออก ตราบเท่าที่สมาคมฯ ยังยังคงอยู่ เพราะว่าชมรมที่นี้นับว่าเป็นนิติบุคคล

ในเรื่องที่จำเป็นต้องปิดกิจการสมาพันธ์ ให้นำเงินที่ได้จากแนวทางการขายที่ดินรวมทั้งเงินของชมรม “มอบให้แก่โรงหมอในจังหวัดเชียงใหม่”

แนวทางดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นเปลี่ยนเป็น เสาหลักที่ค้ำจนกระทั่งให้ ยิมคานา ยืดยืดมาได้ตรงเวลามากยิ่งกว่า 120 ปี เพราะเหตุว่าจากนั้นไม่นานนัก บรรดาผู้จัดตั้งปริมาณหนึ่ง ก็ต่างแยกย้ายกันออกไป รวมทั้งเสียชีวิตไปตามอายุขัย แม้กระนั้นสมาคมดำเนินกิจการถัดไป ด้วยค่าใช้จ่ายสำหรับการสมัครรวมทั้งเงินช่วยเหลือจากสมาชิก

“ยิมคานา ใช้ลงคะแนนเสียงแบบระบบประชาธิปไตย ก่อนเมืองไทยอีกนะ (หัวเราะ)” ความเป็นมิตร ก้อนเมฆรา นายกชมรมสมาพันธ์จังหวัดเชียงใหม่ ยิมคานา คนเดี๋ยวนี้ กล่าวชวนขัน เมื่อเปรียบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาแล้วที่เกิดขึ้นก่อนจะมีการเปลี่ยนระบบการปกครองในไทย

ยิมคานา ในสมัยสงครามโลก

ยิมคานา

มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์จากบันทึกการสัมมนา กล่าวว่า ชมรมยิมคานา ได้มีการจัดแข่งขันกีฬาหลายๆประเภทอย่างเป็นทางการขึ้นคราวแรก ในปี 1899 มี โปโล, คริกเกต, กรีฑาจำพวกต่างๆ, เทนนิส, ม้าแข่ง รวมทั้งงานกินเลี้ยงต่างๆ

ต่อจากนั้น สปอร์ตคลับที่นี้ ก็มีการจัดแข่งกีฬาประเภทอื่นเสริมเติมขึ้นมา อาทิเช่น ยิงเป้าปืน, บอล, กอล์ฟ (เป็นสนามกอล์ฟที่แรกในภาคเหนือ), สควอช, รักบี้ (สองกีฬานี้มากขึ้นในวันหลัง) โดยจัดขึ้นบ่อยๆในตอนช่วงคริสต์มาส ที่สมาชิกโดยมากจะกลับมาอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ จนกระทั่งแปลงเป็นขนบธรรมเนียมของสมาคม ที่จะมีการจัดชิงชัยกีฬาในช่วงปลายปี

นอกจากนั้น ยิมคานา ยังได้ต้อนรับเจ้าฟ้าพระราชา หลายท่าน รวมทั้งเชื้อพระวงศ์ แล้วก็แขกชั้นสูง ที่มาทรงเล่นกีฬา แล้วก็ชมการแข่งขันชิงชัยกีฬา และก็ได้รับความพึงพอใจจากบรรดาผู้มั่งมี รวมทั้งมีอำนาจสมัครเข้ามาเป็นสมาชิก

แม้กระนั้นเวลาเดียวกัน สมาพันธ์ยิมคานา ก็จะต้องประสบพบเจอปัญหาต่างๆและก็เหตุการณ์ที่หลีกเลี่ยงมิได้ โน่นเป็น ภัยจากการสู้รบ เริ่มตั้งแต่ปี 1902 ที่มีการกำเนิดกบฏงูขึ้น ทำให้ ไทย มีการเข้ามาควบคุมที่มากขึ้น และก็เก็บภาษีในอัตราที่สูงกว่าเดิม

จนตราบเท่าในปี 1914-1918 ได้กำเนิดสงครามโลกครั้งที่ 1 ทำให้บรรดาสมาชิกสามัญที่เป็น คนต่างประเทศ ต่างมิได้เข้ามาใช้บริการกันอย่างเมื่อก่อน แล้วก็ผลพวงจากการรบนั้นทำให้ บันทึกรายงานการประชุมของชมรม ตอนระหว่างปี 1906-1922 หายไปด้วย

ข้างหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 สิ้นสุดลง ถัดมาในปี 1932 ประเทศไทย ได้มีการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองในรัชสมัยของ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว จากระบอบราชาธิปไตย มาเป็นระบบประชาธิปไตย ส่วนดินแดนล้านนาได้ถูกเพิ่มเติมเข้ามาเป็นส่วนใดส่วนหนึ่งของ เมืองไทย อย่างสมบูรณ์

ต่อจากนั้นในปี 1937 - 1945 สงครามโลกครั้งที่ 2 ก็เกิดขึ้น สมาพันธ์ได้รับผลพวงเป็นอย่างมาก อีกทั้งด้านเงินทองที่ถูกคนไม่ห่วงใยเข้ามาลัก ตลอดจนการขโมยลอบแข่งขันม้าโดยมิได้อนุญาต

แล้วก็สิ่งที่คือปัญหาใหญ่สุด เป็น การลดหายไปของบรรดาสมาชิก ที่เป็นคนต่างชาติ ซึ่งต่างย้ายกลับรกราก ข้างหลังการล้มเลิกกิจการของบริษัทที่ทำสัมปทานป่าดง รวมทั้งการถอนกำลังของชาติล่าอาณานิคมอังกฤษในเมียนมาร์ ทำให้สมาชิกของชมรมเกือบจะไม่เหลือ

ในปี 1947 สมาคมได้หาทางออก ด้วยการปรับแก้เปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ให้มีการเปิดรับ คนชนชาติไทย เข้ามาเป็นสมาชิกของสมาคมได้ แล้วก็นับตั้งแต่นั้นชาวไทยก็นับว่าเป็นหัวหอกสำคัญ สำหรับเพื่อการเคลื่อนชมรม แทนที่ฝรั่ง ท่ามกลางปัญหาต่างๆมากมายก่ายกอง ในตอนความเคลื่อนไหวของช่วง
สมาคมยิมคานา ในตอนหลังสงครามโลก ครั้งที่ 2 ได้เผชิญผ่านเรื่องราวต่างๆมากไม่น้อยเลยทีเดียว มีขณะที่เป็นขาขึ้น และก็ขาลง ตามวัฏจักรของแนวทางการทำธุรกิจกีฬา

สมาคมมีปริมาณสมาชิกมากขึ้น ตั้งแต่แมื่อมีการอนุญาตให้ ชาวไทย แล้วก็ยินดีให้คนทุกชนชาติ สามารถสมัครเป็นเมมเบอร์ของสมาคมได้ (เคยออกกฎไม่อนุญาต ชาวเยอรมัน เป็นเมมเบอร์ ระยะหลังสงครามโลกครั้งที่ 1) กระทั่งมีผลกำไรเหลือพอที่จะไปปรับปรุงแก้ไขซ่อนแซม เปลี่ยนแปลง รวมทั้งสร้างตึกคลับ เฮาส์ (ข้างหลังตอนนี้)

แต่ว่าในบางช่วงชมรมก็จำเป็นต้องพบเจอสถานการณ์ขาดทุน จากกิจการค้างจ่ายชำระเงินของสมาชิกนิดหน่อย (รวมทั้งการยกเลิกจัดแข่งขันม้าในวันหลัง ซึ่งมีผลต่อรายได้) ทำให้สมาคมจำต้องไปกู้หนี้ยืมสินแบงค์ หรือแม้กระทั้งจัดงานรัตติกาลการบุญเพื่อระดมทุน โดยในตอนหลังชมรมสามารถล่วงเลยวิกฤตินั้นไปได้

“พวกเราได้นำพาสมาพันธ์จากภาวะแทบล้มละลาย มาสู่สภาพคล่องตัวขึ้น มีผู้สงเคราะห์สร้างสนามเทนนิสอย่างยอดเยี่ยม 2 คอร์ต แล้วก็โรงสควอชใหม่ 1 โรง ซึ่งเป็นของขวัญที่ดีแก่สมาชิกของพวกเรา โดยไม่มีเงื่อนไขอะไรก็แล้วแต่เลย ผมขอกล่าวจบท้ายด้วยความข้อที่สำคัญสุด เป็น พวกเราเศร้าใจที่ยังไม่สามารถที่จะบรรลุผลสำเร็จ สำหรับการทำให้สมาชิกมี Club Spirit ซึ่งพวกเราอยากได้มองเห็นสูงที่สุด” คำบอกเล่าของประธานสมาคม สำหรับในการสัมมนาวิสามัญรายปี 1979 ที่ย้ำถึงจุดสำคัญของสมาชิก ที่จำต้องจำเป็นจะต้องช่วยสมาพันธ์

ด้วยสถานที่ที่ดี ทำให้มีเอกชนหลายราย มานะติดต่อเข้ามาเช่าซื้อพื้นที่ส่วนหนึ่ง ตั้งแต่เมื่อ 40-50 ปีกลาย แต่ว่าทุกหนคณะกรรมการฯ ก็ไม่ยอมรับคำแนะนำก้อนโตนั้นไป แม้กระทั้งข้อเสนอแนะจาก ราชกรีฑาชมรม ที่ เคยมีความเพียรพยายามจะควบรวมธุรกิจเข้าไว้ร่วมกัน ในปี 1979 แต่ว่าถูกเลิกไปเนื่องจากสมาชิกไม่เห็นพ้อง

ในระหว่างนี้ ทางราชกรีฑาสมาคม กับสมาคมยิมคานา ยังคงมีความเชื่อมโยงอันดี รวมทั้งช่วยเหลือต่อกัน โดยสมาชิกของสมาพันธ์ยิมคานา ที่จ่ายค่าสมาชิกอย่างสมบูรณ์ครบ สามารถเข้าไปใช้บริการใน ราชกรีฑาชมรมได้

คริสต์ศักราช 1986 มีความพากเพียรอีกรอบศูนย์รวมสมาพันธ์กับ ราชกรีฑาสมาพันธ์ เหตุเพราะ ยิมคานา จะต้องใช้งบประมาณไม่น้อยเลยทีเดียว ในปรับแต่งสถานที่ แม้กระนั้นแต่กระนั้นสมาชิกโดยมาก ยังคงยืนกรานที่ต้องการให้สมาพันธ์ที่นี้ มีเจ้าของเป็นพวกสามัญ อย่างที่เคยเป็นมา

“พวกเรามีความสำคัญนักหรือ ? ที่จำต้องให้เช่าหรือขายที่ของชมรม พวกเราพร้อมแล้วหรือยัง ที่จะยอมเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่บรรยากาศความเขียวขจี ชื่นบาน รวมทั้งหมอกบางๆในช่วงเช้า เพื่อแลกเปลี่ยนกับห้องกีฬาติดเครืองปรับอากาศ” ส่วนหนึ่งส่วนใดของเนื้อความจาก แพทย์ผู้สรรค์ มาร์ติน ที่เขียนถึงเรื่องนี้

สุดท้าย ห้องประชุมคณะกรรมการ ปี 1988 ได้มีความคิดเห็นว่า จะไม่มีการรวมธุรกิจกับทางราชกรีฑาชมรม แม้กระนั้นสมาชิกของชมรมยิมคานา ยังคงใช้บริการที่ ราชกรีฑาชมรม ได้ตามเคย และก็ทั้งคู่ สปอร์ตคลับโบราณของไทย ก็ยังคงมีความเกี่ยวเนื่องที่ดีต่อกัน โดยยิมคานา คลับ เลือกใช้ขั้นตอนการปรับเพิ่มค่าสมัครเป็นสมาชิกตามช่วง เพื่อรักษาสถานะชมรมที่มีสมาชิกเป็นเจ้าของให้ดำรงอยู่ถัดไป

“เคยมีคนขอซื้อที่ดินนี้ ข้อเสนอแนะก็หลักพันล้านบาท แม้กระนั้นคณะกรรมการอาจจะรับไว้มิได้หรอก เพราะเหตุว่าข้อกำหนดของสมาพันธ์ กำหนดไว้กระจ่างว่า ห้ามขาย ตราบจนกระทั่งจะล้มเลิกกิจการ แล้วก็พวกเราก็นับว่าตรงนี้เป็นโภคทรัพย์ของสมาชิกทุกท่าน ตามเป้าหมายของท่านผู้จัดตั้ง ที่มิได้อยากได้ให้ ยิมคานา เป็นของคนใดผู้ใดผู้หนึ่ง”

“พวกเราก็ยังตั้งมั่นในอุดมการณ์นี้ เชื่อหรือไหมว่า คณะผู้บริหารของสมาพันธ์ พวกเราขาดเงินเดือนประจำการนะ ไม่มีเบี้ยสัมมนา แม้กระนั้นพวกเราก็เต็มอกเต็มใจปฏิบัติภารกิจนี้ เนื่องจากว่าเพื่อนฝูงสมาชิกไว้ใจเลือกพวกเราเข้ามาปฏิบัติภารกิจ พวกเราก็จำต้องมานะเปลี่ยนแปลง ดูแลให้สมาคมเดินต่อไปได้”

TS911 แทงบอลออนไลน์ และ คาสิโนออนไลน์ ที่มีมาตรฐานระดับโลกและได้รับความนิยมมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา สมัคร วันนี้รับเครดิตฟรี!!! มูลค่าสูงสุด 1,500 บาท ศูนย์กลางเว็บแทงบอลที่ดีที่สุดอันดับ 1

Like and Shared
Tags : , , , , ,
แสดงความคิดเห็น