ฟิลิปโป้ อินซากี้ : มือพิฆาตกับดักล้ำหน้าเบอร์ 1 ของโลก
ฟิลิปโป้ อินซากี้ ทำประตูมามากมายก่ายกองตลอดชีพค้าลำแข้งของเขา ในเกมสำคัญทั้งยังบอลโลก, บอลยุโรป แล้วก็เกมชิงชนะเลิศระดับสมาคม คุณสามารถไว้วางใจการจบสกอร์ของเขาได้เสมอ
"พวกเราจำต้องทำให้มั่นใจว่านักฟุตบอลที่ห่วยแตกที่สุดของคู่ปรับเป็นผู้ที่จะได้บอลเยอะที่สุด ด้วยเหตุว่าคุณจะได้บอลกลับมาอย่างรวดเร็ว" โยฮัน ครัฟฟ์ ผู้ตายกล่าวไว้ สิ่งที่เขากล่าวจำนวนมากมันชอบถูก แม้กระนั้นสำหรับคำพูดนี้อาจจำเป็นต้องละเว้น ฟิลิปโป้ อินซากี้ ไว้สักคน
สไตล์เป็นสิ่งที่ทำให้นักฟุตบอลแต่ละคนมีเสน่ห์น่าหลงไหล ปฎิเสธมิได้หรอกว่าในปัจจุบันนักฟุตบอลที่มีความเร็ว, กระฉับกระเฉง, เปี่ยมไปด้วยวิธี เป็นสไตล์พิมพ์นิยมสำหรับคอบอล ไม่เช่นนั้นนักฟุตบอลอย่าง เนย์มาร์, เอแด็น อาซาร์, คิลิจนถึง เอ็มบัปกระเป๋า, ฟิลิปกระเป๋า คูติเตียนนโญ่ หรือแม้กระทั้ง อุสมาน เดมเบเล่ อาจจะไร้ค่าตัวเกิน 100 ล้านปอนด์แน่ๆ
อย่างไรก็แล้วแต่ ในระหว่างที่โลกยกย่องนักฟุตบอลที่บอกผลลัพธ์ในสนามได้อย่างเป็นสิ่งที่เป็นรูปธรรมเช่นนักฟุตบอลที่กล่าวมา แต่ว่าหนึ่งในสไตล์ที่เกือบจะหายไปจากโลกบอล แปลงเป็นกองหน้าในสไตล์ซึ่งไม่มีชื่อเรียกด้วยเหตุว่าไม่มีผู้ใดที่ทำอย่างนี้ได้อีกแล้ว โน่นเป็นสไตล์การเล่นแบบ ฟิลิปโป้ อินซากี้ นักฟุตบอลที่ตรงตามบัญญัติไตรยางค์สำหรับความหมายที่ว่า "กองหน้าวินิจฉัยกันด้วยประตู" อย่างแท้จริง
"คุณมองการเล่นของ อินซากี้ ดีๆเขาดังผู้ที่เล่นบอลไม่เป็นเลยด้วย เขาเพียงแค่ไปอยู่ในจุดที่เหมาะสมถูกเวลาเสมอ" นี่เป็นสิ่งที่เจ้าตำรับบอลยุคสมัยใหม่อย่าง โยฮัน ครัฟฟ์ ชายผู้มั่นใจว่าบอลที่มีคุณภาพเป็น "วิธีการทำในสิ่งที่ยากให้มองง่าย" ว่าไว้
อินซากี้ เป็นนักฟุตบอลผู้มีนิยามตรงกันข้ามกับสิ่งที่ตำนานอย่าง ครัฟฟ์ ให้ความหมายของการเล่นบอลอย่างสิ้นเชิง ปิ๊ปโป้ ทำประตูแทบ 200 ลูกทั้งชีวิตค้าหน้าแข้ง รวมทั้งจำนวนมากเป็นการจบสกอร์ในกรอบ 18 หลาเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการแท็ปอิน (ชาร์จลูกเปิดของเพื่อนพ้องร่วมกลุ่ม) หรือจนกระทั่งกระบวนการทำในสิ่งที่เป็นสัญลักษณ์ของเขาสูงที่สุดโน่นเป็นการ "เอาชนะกับล้ำหน้า"
สิ่งที่กล่าวมาเป็นสิ่งที่น่าปวดศรีษะเนื่องจากไม่รู้จักจะจัด อินซากี้ ให้อยู่ในหมู่นักฟุตบอลสไตล์ไหนดี เนื่องจากแม้ว่าวิธีของเขาจะไม่ดีเสมือนที่ ครัฟฟ์ พูดว่าไม่ราวกับนักเตะอาชีพ แม้กระนั้นความรู้ความเข้าใจของเขานั้นกลับสโมสรกับคำบอกเล่าของ ครัฟฟ์ ซึ่งเป็นคำคมอมตะของโลกบอลที่มีอยู่ว่า "บอลเป็นเกมที่เล่นด้วยสมอง ส่วนเท้ามีไว้รอช่วยเหลือ"
หากแม้ อินซากี้ จะไม่ใช่นักฟุตบอลที่ความถนัดดีถ้าหากเทียบกับผู้เล่นชาวอิตาเลียนสมัยเดียวกันอย่าง อเลสซานโดร เดล ปิเอโร่ หรือ ฟรานเชสเก๋ ต็อตว่ากล่าว ที่เป็นพวกวิธีสูงรอบด้าน ในเวลาที่กองหน้าระดับหัวแถวในสมัยนั้นอย่าง โรนัลโด้ และก็ อังเดร เชฟศาสนาเชนโก้เก๋ ก็มีทั้งยังความรวดเร็ว, แกร่ง รวมทั้งถูกเรียกว่าอัจฉริยะ แม้กระนั้นด้วยความด้อยกว่าในเรื่องของความถนัดรวมทั้งความสามารถพิเศษ มันทำให้เขามานะหากระบวนการเล่นในแบบที่มั่นใจในตัวเองจำพวกที่ว่ายอดกองหน้าบนโลกนี้คนใดกันแน่ก็ทำไม่ได้
"หากคุณมิได้เกิดขึ้นมามีพรสวรรค์แบบ โรนัลโด้ และก็ กาก้า เชื่อเถอะว่าคุณสามารถเป็นนักฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ได้ รวมทั้งสิ่งที่จะทำให้ไปถึงจุดนั้นได้เป็นความพยายามแล้วก็ความรักในสิ่งที่คุณทำ" อินซากี้ ชี้แจงถึงตัวเขาไว้อย่างนั้น แล้วมันคืออะไร?
โรเจอร์ ดับเบิลยู. สเปียร์ปรี่ ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านประสาทวิทยา (Neurobiologist) ผู้ครอบครองรางวัลโนเบลในปี 1981 ได้เรียนลักษณะการทำงานของสมองมนุษย์รวมทั้งพบว่าสมองของคนเราแบ่งเป็นส่วนซ้ายแล้วก็ด้านขวา โดยแต่ละส่วนมีบทบาทแตกต่างเด่นชัด
สมองด้านซ้ายมีบทบาทควบคุมความถนัดต่างๆของร่างกาย ใดๆก็ตามที่เป็นตรรกะและก็วิทยาศาสตร์สามารถพิสูจน์ได้ ส่วนสมองด้านขวา ปฏิบัติหน้าที่ในเรื่องของความรู้ความเข้าใจการเห็นภาพโฮโลแกรม ความรู้สึกจับใจแล้วก็ความมีสุนทรียะจากสิ่งต่างๆที่สำคัญที่สุดเป็นสมองด้านขวามีผลต่อการเสริมสร้างจินตนาการอีกด้วย พวกเราบางทีอาจเรียกสมองส่วนนี้ว่า "ส่วนของการผลิตสรรค์" ... แม้นักเตะอย่าง โรนัลดินโญ่ รวมทั้ง ลิโอเนล เมสซี่ จะมีความเฉลียวฉลาดทางด้านนี้เช่นเดียวกัน แม้กระนั้นสำหรับ ฟิลิปโป้ อินซากี้ มันเป็นความอัจฉริยะที่ไม่เหมือนกัน ด้วยเหตุว่าสิ่งที่เขาคิดเป็น "การหาแนวทางจบสกอร์"
"ปิ๊ปโป้" ทำในสิ่งที่ราวการใช้จินตนาการรวมทั้งการผลิตภาพในหัวล้ำลึกเกินกว่าคนอื่นในสนามไป 1 จังหวะเสมอ บางทีบอลเด้งชิ่ง 2-3 ต่อ แต่ว่าในที่สุดมันก็มาถึงเขาทุกหนไป โน่นเป็นเพราะเขาทราบดีว่าจะเอาตนเองไปอยู่จุดไหน แล้วก็เปรี้ยง! ทำแต้ม สิ้นเรื่องอย่างราบรื่น
เทียบให้เห็นภาพชัดเข้าไปอีก พวกเราขอยกตัวอย่างในเกมนัดหมายชิงแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ปี 2007 ที่ เอซี มิลาน สังกัดเดิมของ อินซากี้ เจอกับ หงส์แดง ในเกมนั้น "ปิ๊ปโป้" ยิง 2 ประตูรวมทั้งส่งกลุ่มเป็นแชมป์ด้วยสกอร์ 2-1 แต่ทว่าเนื้อหาในแต่ละประตูของเกมดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นบ่งบอกถึงตัวตนของเขาเด่นชัดมากมายๆ
ประตูแรกมีจุดกำเนิดจากฟรีคิกของ อันเดรีย ปิร์โล่ ในระยะประมาณ23-25 หลากลางประตู ผู้ตัดสินเป่านกหวีดส่งสัญญาณ ปิร์โล่ กำลังปิ้งเท้าเข้ามาที่บอลเพื่อยิง ทุกคนในสนามแม้กระทั้งผู้ชมยังอยู่กับที่เพื่อลุ้นว่าเจ้าพ่อลูกนิ่งอย่าง ปีร์โล่ จะยิงไปมุมไหน มีเพียงแค่ อินซากี้ ผู้เดียวแค่นั้นที่ฉีกตัวออกมาจากแนวกำแพงรวมทั้งวิ่งเข้าช่องที่ไม่มีผู้เล่นใดในสนามยืนอยู่ บอลกระทบกับตัวเขาแปลงปากทางเข้าประตูไป และก็ทำให้ ไม่ลาน เล่นเกมนี้อย่างดีกว่า
เคล็ดลับของ ฟิลิปโป้ อินซากี้ ผู้เชี่ยวชาญ
เอาละ คุณอาจจะมีความรู้สึกว่าโน่นมันเพียงแค่เรื่องของจังหวะรวมทั้งความฟลุกของเขา เนื่องจากว่าในเกมนั้น อินซากี้ มีอีกทั้งจังหวะล้ำหน้าแล้วก็จังหวะจับบอลพลาดให้มองเห็นจังๆอยู่ 3-4 ครั้งแต่ว่าสิ่งที่ อินซากี้ ทำในประตูลำดับที่สองอาจส่งผลให้คำว่าฟลุกนั้นถูกลืมไปอย่างยิ่งจริงๆ
ประตูที่ 2 มีสาเหตุจาก กาก้า เลี้ยงบอลเข้าใส่ผู้เล่นหงส์แดงที่เซ็ตแนวรับไว้ถึง 7 คน (รับรองโดยมุมกล้องถ่ายภาพการถ่ายทอดสด) เวลาที่ ไม่ลาน ขึ้นมา 3 คน คนแรกเป็นผู้ที่ได้ครอบครองบอลอย่าง กาก้า ผู้ที่สองเป็นฟูลแบ็กอปิ้ง มัสสิบด อ็อดโด้ ที่ยืนติดขอบเส้นฝั่งขวา ส่วนผู้ที่ 3 เป็น อินซากี้ ที่ประจันหน้าพร้อมทั้งการตั้งโซนของกองข้างหลัง หงส์แดง 4 คน
เมื่อ ยอห์น อาร์เน่ รีเซ่ ขยับเข้ามาขวางการเลี้ยงรับประทานพื้นที่ของ กาก้า คู่เซ็นเตอร์ของหงส์แดงอย่าง แดเนี่ยล แอ็กเกอร์ ขยับขึ้นมาขวางช่องส่งบอลไปถึงหน้าประตู แล้วก็คนท้ายที่สุดอย่าง เจมี่ คาร์ราเกอร์ ที่ทราบทั้งยังทราบรวมทั้งทำการบ้านมาอย่างยอดเยี่ยมจ้องมองมาที่ อินซากี้ และก็ขยับเขยื้อนตัวขึ้นเช็คล้ำหน้าแบบทดสอบ แม้กระนั้น อินซากี้ รู้เรื่องราวล่วงหน้า "คาร์ร่า" 1 ก้าว
ปิ๊ปโป้ วิ่งใส่เข้าช่องมาในไทมิ่งที่เป๊ะมากมาย ถ้าเกิดจะถามคำถามว่ามันเป๊ะแค่ไหน ก็จำเป็นต้องกล่าวว่าเมื่อไลน์แมนไม่ยกธงขาวนั้น เจมี่ คาร์ราเกอร์ ถึงกับถอนใจ เอามือจับเข่าตนเองด้วยความหมดหวัง และไม่ตกลงใจวิ่งตาม อินซากี้ อย่างยิ่งจริงๆ แล้วก็ท้ายที่สุด ปิ๊ปโป้ ก็หลุดผู้เดียวเข้าไปยิงลอดตัว เปกระเป๋า เรน่า แบบเหนือชั้น
จะมองเห็นได้ว่า อินซากี้ ทำให้แนวรุกที่มี 3 คน เอาชนะแนวรับที่มี 7 คนด้วยสมองส่วนขวาของเขาอย่างแท้จริง "ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องยิงงามแต่ว่าขอเพียงแค่ยิงเข้าก็เพียงพอ" นั่นแหละหน้าที่ของเขาล่ะ
อีกทั้ง 2 ประตูเป็นลูกยิงระดับสิกข์เนพบร์ของ อินซากี้ การยิงรูปแบบนี้เป็นสิ่งที่เขาทำมาตั้งแต่เล่นให้กับ อตาลันต้า, ปิอาเซนซ่า, ยูเวนตุๆส รวมทั้ง ไม่ลาน จนตราบเท่าในนัดหมายชิงวันนั้นซึ่งเขาแก่ 34 ปี
สิ่งหนึ่งที่ทำให้แฟนบอลทั่วทั้งโลกยอมยอมรับในความเป็นเอกลักษณ์ของ อินซากี้ เป็นสัญชาตญาณของเขา นักฟุตบอลอย่าง อินซากี้ แม้กระทั้งจะเรียกว่ากองหน้าก็ยังไม่เหมาะสม เนื่องจากว่าคำที่บอกตัวตนของเขาจริงๆเป็นคำว่า "ตัวจบสกอร์" ก็เลยจะเหมาะสมสุ
ผู้คนจำนวนมากพูดว่ามันคือเรื่องของความสามารถพิเศษสำหรับการไปอยู่เหมาะสมถูกเวลา แล้วก็การอ่านจังหวะการวิ่งของกองข้างหลังคู่ปรปักษ์เพื่อเอาชนะกับล้ำหน้าไปปฏิบัติภารกิจ "ตัวจบสกอร์"
ความสามารถพิเศษบางครั้งอาจจะถูก แต่ว่าโน่นเพียงแค่ครึ่งเดียวเพียงแค่นั้นเนื่องจากว่า อินซากี้ อาจจะไม่อาจจะมาถึงจุดที่ทำใหม่แล้วซ้ำเล่าจนถึงยิงได้เกือบจะ 200 ลูกเพียงแค่เนื่องจากเพียงแค่มีพรสวรรค์สิ่งเดียวแน่ๆ คู่ปรับทุกคนทราบดีว่าเขาถูกใจเอาชนะกับล้ำหน้า แล้วก็หลายที อินซากี้ ก็ถูกจับล้ำหน้าอยู่เป็นประจำจนถึงแฟนบอลทั่วทั้งโลกจำภาพเขาไว้อย่างนั้น
แต่ อินซากี้ รู้ดีว่ากองหลังก็พากเพียรจะเอาชนะเขา ด้วยเหตุนั้นเขาก็เลยอยู่นิ่งมิได้ ... ทุกอย่างเป็นผลมาจากการขัดเกลาสิ่งที่ตัวเราเองมีให้ "เป็นเลิศในแผ่นดิน" และไม่ว่า อินซากี้ จะถูกจับล้ำหน้าไม่รู้เรื่องจำนวนกี่ครั้งต่อจำนวนกี่ครั้งใน 1 เกม เขาขอเอาชนะได้แค่เพียงครั้งเดียวเพียงแค่นั้นพอที่จะแปลงมันให้เป็นประตู
อินซากี้ แพ้คุณด้วยการที่เขาถูกจับล้ำหน้าร้อยครั้งโน่นไม่ใช่เรื่องน่าซีเรียส แต่ว่าหากคุณแพ้ อินซากี้ ครั้งเดียว แดนนรกจะมาเคาะประตูแนวรับคุณแน่ๆ ภายใต้ความมานะบากบั่นครั้งแล้วครั้งเล่าของ อินซากี้ บอกอะไรได้บ้าง?
อินซากี้ เป็นกองหน้าตัวเป้าที่มิได้ปักหลักคงที่เพื่อรอคอยพักบอล หากว่าเขาจะเป็นนักฟุตบอลซึ่งสามารถอิงแล้วก็กลับตัววิ่งเข้าพบจุดโทษเจริญ แต่ว่าสิ่งที่หลบซ่อนอยู่เบื้องหน้าเบื้องหลังการจบสกอร์ผ่านการเอาชนะกับล้ำหน้าของเขาเป็น "กำลัง" นั่นเอง
"ปิ๊ปโป้" ขยับเขยื้อนตัวตลอดระยะเวลา เขาไม่ท้อที่จะวิ่งหาช่องให้เพื่อนพ้องเปิดให้ หากแม้บางโอกาสจำเป็นต้องตีรถยนต์ไม่อ่อนแรงฟรีด้วยเหตุว่าบอลมาไม่ถึง เขาบางครั้งก็อาจจะไม่เหน็ดเหนื่อยกับการเลี้ยงบอลหรือไล่บอลราวกับนักฟุตบอลคนอื่นแม้กระนั้นเขาก็จำต้องใช้พลังงานไม่น้อยสำหรับเพื่อการบากบั่นวิ่งเพื่อเอาชนะกับล้ำหน้าและก็หาช่องสำหรับในการทำแต้ม
ฉะนั้นการดูแลร่างกายของเขาก็เลยสำคัญมากๆอินซากี้ เป็นนักฟุตบอลสายเฮลตี้ที่ให้ความใส่ใจกับความฟิตของตนเองสูงมากมาย อะไรที่ไม่เป็นประโยชน์รวมทั้งไม่ถูกหลักโภชนาการเขาจะไม่สัมผัสมันเลย ประเด็นนี้ถูกรับรองโดย เจนท้องนาโร่ กัตตูโซ่ สหายร่วมกลุ่ม เอซี มิลาน ของเขาเอง
"เขารับประทานพาสต้าหรือข้าวโดยเกือบจะไม่ใส่ซอสมะเขือเทศเลย (มีโซเดียม, มีน้ำตาล ทำให้เกิดโทษและส่งผลเสียรวมทั้งไม่ดีต่อสุขภาพ) เขารับประทานอาหารเพื่อสุขภาพของเขาล้วนๆเนื้อวัวก็ควรเป็นแบบอบด้วยความร้อน ส่วนของว่างของเขาเป็น เบบี้ รุสก์ส (Baby rusks : คุกกี้ข้าวโอ๊ตสำหรับเด็กตัวเล็กๆที่อุดมไปด้วยแคลเซียมและก็วิตามิน) เวลาผมต้องการให้เขาแฮปปี้กับของกิน ก็แค่เอาไข่ไก่ไปให้เขาเท่านั้นเอง คุณลองคิดดูเอาตามใจ"