บิลลี่ คอนน์ : มวยรองบ่อนที่ต่อน้ำหนักให้ 12 กิโลกรัม
ในไฟต์ระหว่าง โจ หลุยส์ กับ บิลลี่ คอนน์ นักชกที่แพ้มากว่า 10 ไฟต์ ในปี 1941 นั้นกลับได้รับความสนใจในระดับเดียวกันแบบไม่น่าเชื่อ แม้ว่าระดับความสูสีก่อนขึ้นชกแทบจะมองไม่เห็นโอกาสของผู้ท้าชิงเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะด้วยเรื่องสถิติ, สไตล์, ชื่อเสียง หรือเนื้อตัวก่อนขึ้นเวที
บิลลี่ คอนน์ มาได้อย่างไร? และกล้าเผชิญหน้ากับ โจ หลุยส์ เพราะอะไร? นั่นคือสิ่งที่ผู้คนอยากรู้ เพราะความเป็นรองเรื่องน้ำหนักตัวที่มากถึง 25 ปอนด์ (12 กิโลกรัม) น้ำหนักตัวของ คอนน์ เดิมทีอยู่ที่ 170 ปอนด์ แต่เขาต้องทำน้ำหนักเพอ่มสุดชีวิตเพื่อให้ได้ 180 ปอนด์ สำหรับชกในรุ่นเฮฟวี่เวตครั้งแรกกับ โจ หลุยส์ ซึ่งการต่อน้ำหนักแบบนี้ แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะได้เห็นจากมวยรอง
แล้วก็นั่นเองเป็นเหตุผลที่แฟนคลับทั่วทั้งประเทศต้องการจะมองเห็น จะมีอะไรบันเทิงใจไปกว่าการได้มองเห็นวีรบุรุษของประเทศไล่ถลุงรอบเวทีให้เป็นแก้วตาดวงใจสักหนึ่งครั้ง
"ผมทราบว่าเขาจะสู้ด้วยแนวทาง Hit and Run (ต่อยแล้วชิ่ง) แม้กระนั้นผมจะบอกให้ว่า เขาสามารถวิ่งไปไหนก็ได้ แม้กระนั้นในเวทีเขาหนีผมไม่พ้นหรอก" โจ หฝ่าส์ กล่าวก่อนขึ้นสังเวียน และก็ตัวของ บิลลี่ คอนน์ เองก็มีความคิดว่า โจ มิได้พูดเล่นๆ
"ความหวาดกลัวแผ่กระจายเมื่อขึ้นเวทีแล้วก็มองเห็นเขาอยู่ที่อีกฝั่ง สีหน้าท่าทางของเขามันบอกอารมณ์ทำนองว่า รีบขึ้นมาเร็วๆพวกเราจะได้รีบๆต่อย รีบๆกลับไปอยู่บ้าน" บิลลี่ ชี้แจงถึงออร่าบางสิ่งบางอย่างก่อนขึ้นสังเวียน
เสียงระฆังดังขึ้น โจ หลุยส์ ประพฤติตามความตั้งอกตั้งใจและก็ออร่าพลังที่แบออกมา เขาต้องการจะกลับไปอยู่ที่บ้านเร็วๆไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร เขาโจมตีที่ท้องของ ใบเสร็จรับเงินลี่ คอนน์ กระทั่งเกือบจะจุกในชูแรก ต่อไปชูลำดับที่สอง คอนน์ จำเป็นต้องหนีแบบเดียว สไตล์ Hit and Run ไม่สมบูรณ์เนื่องจากเขาเกือบจะมิได้ออกหมัดชัดๆเลย แม้กระทั้งหมัดแย็ปก็ตาม
แต่เมื่อเริ่มยก 3 คอนน์ กลับมาเป็นข้างกลับเกมแบบไม่หน้าเชื่อ เขาแปลงจากถอยหนีเป็นการเต้นฟุตเวิร์ก ขยับเขยื้อนตัวเปลี่ยนแปลงท่าอย่างสม่ำเสมอและก็รวดเร็ว รวมทั้งเริ่มปลดปล่อยหมัดจิ้มเข้าหน้าเข้าตา โจ หลุยส์ ได้แบบแปลงเป็นคนละคน
เว็บ The Fight City มานะชี้แจงว่าการต่อยในวันนั้นของ คอนน์ ราวกับสไตล์ "พริ้วเสมือนผีเสื้อ ต่อยเจ็บราวกับผึ้ง" ที่เกิดแล้วก็ดังในอีก 20-30 ปีที่ผ่านมาโดย มูฮัมหมัด อาลี
ไม่ทราบว่าเพราะว่าด้วยน้ำหนักที่ด้อยกว่าไหมที่ทำให้ คอนน์ โยกหลบหม้ดของ โจ หลุยส์ ดังของบันเทิงใจ รวมทั้งหมัดของเขาคมขึ้นเรื่อยชูที่ 4 ใบเสร็จรับเงินลี่ คอนน์ ทำให้เข่าของ โจ จะต้องทรุด จากการปลดปล่อยหมัดขวาตรงเข้าที่เข้าทางหน้า
นอกเหนือจากการต่อยแล้วหนี คอนน์ ยังจัดเตรียมอีกสิ่งมา นั่นเป็นการตั้งรับที่แน่นแฟ้นอน ไม่เปิดโอกาสให้โดนต่อยกล้วยๆหรือถึงแม้ว่าจะโดนต่อย การ์ดของเขาก็จะขวางไปหมด กระทั่ง โจ หลุยส์ ที่มีหมัดหนักโดยธรรมชาติต่อยไม่ตรงเป้า พลังความแรงก็เลยลดไปจำนวนมากระดับ 30-50% อย่างยิ่งจริงๆ เมื่อทุกๆอย่างได้เปรียบ แฟนมวยเริ่มบันเทิงใจกับการต่อยของ ใบเสร็จรับเงินลี่ มวยรองที่พวกเขามารอดูโดนยำ เขาเริ่มได้รับเสียงเชียร์แล้วก็ต่อยก้าวหน้าขึ้นบ่อย ว่ากันว่านับตั้งแต่ชู 4 ถึงชู 12 คะแนนของ บิลลี่ นั้นนำลิ่วจำพวกที่ว่าตอนที่เหลืออีก 3 ชู (สมัยนั้นไฟต์ชิงชนะเลิศจำต้องสู้กันถึง 15 ยก) โจ หฝ่าส์ จึงควรน็อคเอาต์เขาให้ได้แค่นั้น ไม่เช่นนั้น โจ หฝ่าส์ จะเสียแชมป์ให้กับมวยรองบ่อนที่ไม่มีผู้ใดกล้ารู้สึกว่าจะชนะวีรบุรุษของประเทศอย่างเขา
"โจ เอ็งเสร็จฉันแล้วว่ะ" ใบเสร็จรับเงินลี่ เริ่มมั่นอกมั่นใจกับผลที่กำลังจะเกิดขึ้น หากแม้ในช่วงเวลานั้น โจ หลุยส์ จะใจดีสู้เสือแต่ว่าที่จริงแล้ว มันเป็นความรู้สึกพลาด ที่เขาเลือกที่ขึ้นสังเวียนไฟต์นี้
"ผมบกพร่องจริงๆที่เลือกขึ้นสังเวียนไฟต์นี้ ผมรู้ดีว่า คอนน์ เป็นคนตัวเล็กๆแล้วก็ผมเองก็ไม่อยากที่จะให้สื่อเอาไปเขียนว่า ผมไล่ต่อยไอ้แอ้ดที่แห่งไหนจนถึงหมดสภาพ ก่อนต่อยไฟต์นั้น ผมจะต้องออกไปวิ่งเรียกเหงื่อ ดื่มน้ำให้ต่ำที่สุด เพื่อลดหุ่นให้ต่ำยิ่งกว่า 200 ปอนด์ให้ได้"
"มันเป็นอะไรที่ตรากตรำอยู่บ้าง แต่ว่าในขณะนั้นผมคิดจริงๆว่า คอนน์ เป็นนักต่อยที่เฉลี่ยวฉลาด เขาจะสู้ราวกับยุง เป็นเขามากัดคุณและจากนั้นก็บินหนี"
บิลลี่ คอนน์ ปะทะ โจ หลุยส์ ไม่มีใครได้กลับบ้านเร็ว
สิ่งที่ โจ คิดไว้ก่อนต่อยเป็นจริงทุกสิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งชู 7, 8 แล้วก็ 9 นั้น ใบเสร็จรับเงินลี่ เร็วขึ้นเรื่อยอีกทั้งหมัดอีกทั้งฟุตเวิร์กกระทั่ง โจ หฝ่าส์ เปิดหนังสือเรียนรับไม่ทัน และก็เป็นไปอย่างงั้นจนกระทั่งชูที่คลาสสิกที่สุดในประวัติศาสตร์มวยโลก ยกที่ 13
ยกที่ 13 เป็นยกที่ ใบเสร็จรับเงินลี่ คอนน์ กำลังจะเปลี่ยนเป็นตำนานมวยโลก อีกไม่กี่ก้าวไม่กี่ยกจากนี้ เขาจะเปลี่ยนเป็นแชมป์โลกเฮฟวี่เวตด้วยการคว่ำนักต่อยขวัญใจชั้น 1 ของประเทศ สมองของเขาลอยล่องไปไกลถึงไหนต่อไหน ภาพในสมัยก่อนจากการปิดยิมฝึกแบบเอาจริงเอาจังเพื่อไฟต์นี้สลายไป
ก่อนขึ้นยกที่ 13 จอห์นนี่ เรย์ คนดูแลของ ใบเสร็จรับเงินลี่ คอนน์ ตบที่ไหล่เขาและก็เพียรพยายามจะพูดว่าอย่างไรเสียก็ชนะแน่ ทำดังเดิม ตั้งรับ อยู่ให้ห่าง และก็สวนกลับให้ไว แต่ ใบเสร็จรับเงินลี่ หันมายักขนคิ้วให้และก็ตอบกลับว่า "ไม่ล่ะ ผมจะเดินลงไปน็อคเขาในยกนี้"
"เฮ้ย บิลลี่ นี่ โจ หลุยส์ นะโว้ย เอ็งห้ามประเมินนักมวยคนนี้ต่ำเด็ดขาด เพียงแค่คิดจะแลกหมัดกับเขาก็ไม่ถูกแล้ว ถอยออกมาให้ห่างจากเขาซะ แล้วนายจะชนะไฟต์นี้แน่ๆเชื่อฉันสิ" เรย์ ตะคอกเป็นคราวสุดท้ายก่อนระฆังเริ่มยก 13 จะดังขึ้น แต่ว่า ใบเสร็จรับเงินลี่ ยักไหล่ราวจะกล่าวว่า "ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกน่า"
เมื่อมองเห็นแบบนั้น เรย์ หันมางึมงำกับตนเองว่า "ชีวิตมึงเอ็งเลือกเองก็ตามใจ"
แฟนคลับกว่า 55,000 คน ไม่เคยมีความคิดว่าจะได้มองเห็นสิ่งนี้กับตาตนเอง ด้วยเหตุว่าระฆังยกที่ 13 ดังเป๊ง บิลลี่ เดินจ้ำเข้าพบ โจ หลุยส์ โดยทันที การเพ้อฝันว่าจะคว่ำตำนานของมวยโลกทำให้เขาประมาทแบบไม่ทันรู้ตัว
เมื่อ บิลลี่ เลือกเดินเข้าพบก็ราวกับการส่งกล่องของขวัญมอบให้กับ โจ หลุยส์ เนื่องจากว่าอยู่ๆผู้ที่หลบเขาได้ตลอดกลับเดินมาเข้าระยะกระทำการของเขาเสียแบบนั้น
โจ หลุยส์ กระแทกลำตัวเสมือนในชูแรก ทำให้ คอนน์ เซ ก่อนที่จะตามซ้ำด้วยซ้ายอีกหนึ่งครั้งให้เซหนักกว่าเดิม ในตอนนี้ โจ หลุยส์ ทราบดีว่าถึงเวลาปิดบัญชีแล้ว จากนั้นหมัดซ้ายเปรี้ยงเดียวที่ร้ายแรงเหมือนกับความอึดอัดใจที่จะต้องทนโดนต่อยมาถึง 12 ยกได้ระเบิดออกมา บิลลี่ คอนน์ เจ้าแห้งที่พิตสเบิร์ก ล้มลงกับพื้นรวมทั้งท้ายที่สุดถูกนับ 10 แพ้ไปสุดท้าย
"ผมอย่างกับคนไม่มีหัว และก็หัวของผมหายไปพร้อมๆกับเงิน 1 ล้านเหรียญ" ใบเสร็จรับเงินลี่ คอนน์ เผยคราวหลัง
หมัดซ้ายรวมทั้งขวา ฟุตเวิร์กที่เร็ว และก็จังหวะเข้าออกที่ตรงเผงตลอด 12 ชูก่อนหน้านี้ของ บิลลี่ ปราศจากความหมาย ด้วยเหตุว่าในที่สุดแล้วคะแนนพวกนั้นผิดเอามานับเลยภายหลังที่เขาถูกนับ 10 ไป อย่างไรก็ดี ไฟต์นี้ถูกเชิดชูให้เป็นไฟต์ที่เหมาะสมที่สุดในประวัติศาสตร์มวยโลกตลอดไปไฟต์หนึ่งอย่างยิ่งจริงๆ
โจ หลุยส์ ชี้ให้เห็นว่าเขาเป็นอัจฉริยะที่การออกหมัด เพียงแค่คุณต่อยเขาแล้วก็ต้อนเขาได้ มิได้แสดงว่าเขาจะแพ้ หมัดประหลาดของ โจ หลุยส์ เปรี้ยงเดียวที่ศีรษะของ คอนน์ ทำให้ คอนน์ เห็นภาพต่างๆและก็ความบกพร่องของตนเองที่เลือกจะทิ้งเป้าหมายที่ฝึกซ้อมมา รวมทั้งคลายอารมณ์ไปกับเสียงเชียร์แล้วก็เหตุการณ์บนเวทีเหลือเกิน
นี่เป็นไฟต์ที่เขาใกล้ความแพ้พ่ายสูงที่สุด แต่ว่าในที่สุดเขาก็ยังไม่แพ้ เพราะว่าความห้าวหาญเหลือเกินของ คอนน์ รวมทั้งพลังหมัดที่มากเหลือเกินของตัว โจ หลุยส์ เองด้วย
ผู้จัดการของเขายังไม่ทันตอบดี โจ หลุยส์ เหลือเกินที่หอพัก เพราะเหตุว่าเขาเองก็ถามไปแบบนั้นล่ะ เรื่องจริงเขาทราบว่ากองเชียร์เต็มปริมาตรของ โปโล กราวเกรียวด์ ต่างก็นั่งไม่ติดเก้าอี้กันทั้งหมดสำหรับประวัติศาสตร์ของนักมวยอีกทั้ง 2 คนภายในช่วงเวลาค่ำคืนนั้น
แล้วก็ด้วยความใกล้เคียงจากไฟต์นั้น ทำให้จะต้องมีไฟต์รีแมตช์เกิดขึ้นตามมา แต่ว่าสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่เคาะประตูอเมริกาต่อไปไม่นาน ทำให้กว่าที่ไฟต์ดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นจะเกิดขึ้น จะต้องคอยถึงปี 1946 ข้างหลังการสู้รบเลิก แต่ว่าการฟิตร่างกายตอนการรบที่ผิดแผก ทำให้ผลออกมาไม่สมกับที่รอ เนื่องจากว่าในศึกครั้งลำดับที่สอง คอนน์ทำเป็นแค่เพียงหลบหมัดของโจไปเรื่อยก่อนจะโดนหมัดแพ้น็อกไปในยกที่ 8 เพียงแค่นั้น
สมัคร TSOK วันนี้รับเครดิตฟรีสูงสุด 1,500 บาท ฝาก-ถอน ไม่จำกัด ตลอด 24 ชั่วโมง สมัครคลิก